คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่จำเลยผู้เช่าได้ปลูกโรงของจำเลยไว้ในที่พิพาทก่อนที่โจทก์ได้มาทำสัญญาเช่าที่พิพาทต่อเจ้าของที่พิพาทนั้น โจทก์จะอาศัยสิทธิสัญญาเช่านั้นมาฟ้องขับไล่จำเลยเพื่อโจทก์จะได้เข้าครอบครองที่พิพาทนั้นหาได้ไม่ โจทก์เป็นเพียงผู้มีสิทธิเช่า ยังไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาทที่เช่ามานั้นเลย ไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่พิพาทเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เดิมนายใต้อิ้วเช่ามา มีโรงหลังคาสังกะสีหมาย 1และ เพิงหลังคาจากหมาย 3 ของนายใต้อิ้วปลูกอยู่ เมื่อ พ.ศ. 2491จำเลยเช่าเพิงหมายเลข 3 นี้ประกอบอุตสาหกรรมทำเตาแล้วจำเลยปลูกโรงหลังคาจากหมายเลข 2 ขึ้น ต่อมานายใต้อิ้วโอนการเช่าที่ดินให้นางชั้วสีภรรยาเป็นผู้เช่าต่อสำนักงานทรัพย์สินฯ สัญญาเช่าโรงทำเตาสิ้นอายุแล้ว นางชั้วบอกเลิกการเช่าแล้ว ต่อมาโจทก์ไปตกลงเช่าที่นี้จากสำนักงานทรัพย์สินฯ แล้ว นางชั้วสีโอนขายกรรมสิทธิ์โรงหมายเลข 1 และ 3 ให้โจทก์ แล้วนางชั้วสีไม่ยอมออกไป โจทก์จึงฟ้องขับไล่นางชั้วสี ๆ ยอมออกแต่จำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงขอบังคับในคดีนั้นโดยอ้างว่าจำเลยเป็นบริวารของนางชั้วสี ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งว่าพยานโจทก์ฟังไม่แน่ชัดว่า ผู้ร้อง (จำเลย) ได้ขออาศัยนางชั้วสี หากโจทก์ยังประสงค์จะให้ผู้ร้องออกไปจากที่ดินและโรงหลังคาจากนี้ ชอบที่โจทก์จะไปว่ากล่าวกับผู้ร้องเป็นอีกคดีหนึ่งโจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากโรงหมายเลข 3 และให้จำเลยรื้อถอนหมายเลข 2

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยรื้อถอนโรงหมายเลข 2 ให้ยกฟ้องข้อนี้

โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากโรงหมายเลข 3โจทก์ไม่ได้ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากโรงหมายเลข 2 ของจำเลย ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินนี้ก่อนโจทก์มาขอเช่าที่ดินต่อสำนักงานทรัพย์สินฯจึงเป็นเรื่องนอกคำฟ้อง บังคับให้ไม่ได้ อนึ่ง โจทก์เป็นผู้มีสิทธิเช่า ยังไม่เคยเข้าครอบครองที่ดินที่เช่าจากสำนักงานทรัพย์สินฯจึงยังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ ๆ ปลูกโรงหมายเลข 2

พิพากษายืน

Share