คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1736-1737/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยทุจริตโอนรถยนต์ให้ผู้มีชื่อไปโดยเจตนาไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ ขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 แล้วฟ้องจำเลยกับผู้รับโอนรถยนต์เป็นจำเลยคดีแพ่งขอให้เพิกถอนการโอนรถยนต์ด้วย ดังนี้ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นแต่ผู้เช่าซื้อรถยนต์มาแล้วจำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อจึงโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์นั้นให้แก่ผู้รับโอนซึ่งชำระเงินค่าเช่าซื้อที่เหลือจนครบ โดยผู้รับโอนเป็นเจ้าหนี้จำเลยซึ่งกู้เงินไปชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์นั้นเองด้วย ดังนี้จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้องและจะบังคับให้เพิกถอนการโอนก็ไม่ได้ เพราะจำเลยเป็นแต่ผู้เช่าซื้อ หากเพิกถอนได้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องโอนกลับไปเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าซื้อตามเดิม

ย่อยาว

สำนวนแรก โจทก์ฟ้องคดีอาญาขอให้ลงโทษนายเพียวจำเลยฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้โจทก์และเป็นลูกหนี้ธนาคารซึ่งโจทก์เป็นผู้ค้ำประกัน ได้มีเจตนาทุจริตโอนรถยนต์ 1 คันไปยังนายเกียรติ เพื่อมิให้โจทก์และธนาคารได้รับชำระหนี้ เพื่อให้พ้นจากการยึด อายัดหรือการบังคับคดีโดยจำเลยทราบดีว่าไม่มีทรัพย์อื่นจะชำระหนี้โจทก์ได้ และผู้รับโอนก็มิได้เสียค่าตอบแทน เป็นการสมยอมกันเพื่อฉ้อโกงโจทก์

นายเพียวจำเลยให้การปฏิเสธ

สำนวนหลัง โจทก์ฟ้องนายเพียวกับนายเกียรติเป็นคดีแพ่ง โดยบรรยายฟ้องอย่างคดีแรก และมีคำขอให้เพิกถอนชื่อนายเกียรติ จำเลยที่ 2 ออกจากทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวแล้วใส่ชื่อนายเพียว จำเลยที่ 1ต่อไป ถ้าไม่ทำตามก็ขอให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นหลักฐานการโอน

นายเพียวจำเลยที่ 1 ให้การว่าเป็นลูกหนี้จริง แต่จำเลยเช่าซื้อรถยนต์จาก ร.ส.พ.ยานยนต์ โดยเป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 เงินที่ชำระก็เป็นของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ให้การอย่างเดียวกันและว่าไม่ทราบถึงหนี้สินระหว่างโจทก์และธนาคารกับจำเลยที่ 1

ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาและพิพากษาว่า นายเพียวจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ให้จำคุก 3 เดือน และให้นายเกียรติจำเลยโอนรถยนต์ให้เป็นของนายเพียวจำเลย ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา

จำเลยทั้ง 2 อุทธรณ์ทั้ง 2 สำนวน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้ง 2 ฎีกาทั้ง 2 สำนวน โดยนายเพียวจำเลยฎีกาข้อกฎหมายในคดีอาญา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายเพียวจำเลยเช่าซื้อรถยนต์ กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ ต่อมานายเพียวผิดสัญญาเช่าซื้อ การที่นายเกียรติรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์มาก็โดยรับโอนจากผู้ให้เช่าซื้อ หาใช่รับโอนจากนายเพียวจำเลยตามฟ้องไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะบังคับให้นายเกียรติจำเลยในคดีแพ่งโอนรถยนต์ให้แก่นายเพียวจำเลยตามคำขอในคดีแพ่งไม่ได้เพราะนายเพียวเพียงแต่เช่าซื้อมา หากเพิกถอนได้ก็จะต้องกลับคืนไปเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าซื้อตามเดิม

จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้ง 2 สำนวน

Share