แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อไม่ปรากฏเลขคดีแดงของสำนวนที่ศาลลงโทษ ก็ไม่อาจจะสั่งนับโทษต่อได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกับพวกอีก ๓ คน มีมีด ไม้ ปืน แทงยิงนายทองผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในขณะทำการตามหน้าที่ เพื่อความสะดวกในการปล้น แต่การฆ่าไม่บรรลุผล นายทองเพียงได้รับบาดเจ็บ และปล้นเอาปืนลูกซอง ๑ กระบอก ราคา ๑,๘๐๐ บาท ของนายสีซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายทองไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๐, ๓๔๐ กับขอให้ริบมีดของกลาง และนับโทษต่อจากคดีดำที่ ๗๑๒-๗๑๓/๒๕๐๑ และที่ ๘๒๗/๒๕๐๑
จำเลยให้การรับว่า เป็นคน ๆ เดียวกับจำเลยคดีดำที่ ๗๑๒-๗๑๓/๒๕๐๑ และที่ ๘๒๗/๒๕๐๑ ส่วนข้อหาว่ากระทำผิด จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานโจทก์ยังน่าสงสัย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผู้เดียวผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ ให้จำคุก ๓ ปี ส่วนข้อที่ขอให้นับโทษต่อ ไม่ปรากฏว่าจะต่อจากสำนวนคดีใด จึงนับให้ไม่ได้
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยผิดฐานปล้นทรัพย์ แล้วขอให้สั่งนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีแดงที่ ๑๑๕๓-๑๑๕๔/๒๕๐๑ ซึ่งจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยกับพวกมีอาวุธทำการปล้นทรัพย์ของเจ้าทรัพย์รายนี้จริง
ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีแดงที่ ๑๑๕๓-๑๑๕๔/๒๕๐๑ นั้น ศาลฎีกาพิจารณาแล้วไม่ปรากฏว่า เป็นคดีที่จำเลยแถลงรับไว้ในคำให้การหรือที่ศาลสอบถามบันทึกไว้เมื่อจำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน กล่าวคือ จำเลยรับว่า เป็นคน ๆ เดียวกับจำเลยคดีดำที่ ๗๑๒-๑๗๓/๒๕๐๑, ๘๒๗/๒๕๐๑ ศาลพิพากษาแล้วทั้งสามสำนวน โดยสองสำนวนแรกยกฟ้อง ส่วนสำนวนหลังถูกจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ดังนี้ น่าจะเข้าใจว่าสำนวนหลังที่ลงโทษคือ คดีดำที่ ๘๒๗/๒๕๐๑ แต่เหตุไฉนจึงออกเลขแดงได้เป็น ๒ สำนวนดังโจทก์เสนอมาในฎีกาของโจทก์ แม้เมื่อศาลชั้นต้น สอบจำเลยครั้งหลังศาลก็ได้พิพากษาคดีเรื่องก่อนเป็นคดีแดงแล้ว แต่เมื่อไม่ปรากฏเลขคดีแดงของสำนวนที่ศาลลงโทษ จึงยังไม่อาจจะสั่งนับโทษต่อตามฎีกาโจทก์ได้
ศาลฎีกาพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๒ ให้จำคุก ๑๐ ปี นอกจากที่แก้นี้คงพิพากษายืน