แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายอำเภอเป็นนายทะเบียนสัตว์พาหนะและเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะยึดสัตว์พาหนะส่งต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีแก่ผู้ที่ครอบครองสัตว์พาหนะไว้โดยไม่มีตั๋วรูปพรรณหรือมีแต่ไม่ถูกต้องกับตัวสัตว์ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 4 และมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. 2482 และนายอำเภอเป็นพนักงานสอบสวน มีอำนาจสอบสวนเกี่ยวกับความผิดตาม พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะฯ การที่นายอำเภอเมืองในฐานะ พนักงานสอบสวนได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 1 เลี้ยงโคที่ไม่มีตั๋วรูปพรรณที่ยึดไว้โดยไม่ปรากฏว่านายอำเภอเมืองได้ทำสัญญาแทนหรือในนามของอำเภอหรือจังหวัดนั้น การทำสัญญา ของนายอำเภอเมืองดังกล่าวจึงทำไปตามอำนาจและหน้าที่ ของพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะฯ โดยเฉพาะซึ่งไม่มีบทกฎหมายใดให้บุคคลอื่นใช้อำนาจหน้าที่นี้แทนฉะนั้นจังหวัด ซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงาน ตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะฯ และมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 เพื่อบังคับตามสัญญาจ้างเลี้ยงรักษาสัตว์ที่ยึดไว้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า อำเภอเมืองสุโขทัยเป็นหน่วยงานของรัฐบาลและเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. ๒๔๘๒ กำหนดให้นายอำเภอเป็นนายทะเบียนสัตว์พาหนะ มีอำนาจจับกุมสอบสวนบุคคลที่กระทำผิดพระราชบัญญัติดังกล่าวได ้และมีอำนาจยึดสัตว์พาหนะไว้เพื่อตรวจสอบประกาศหาเจ้าของให้มารับคืน ในระหว่างประกาศนายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานเลี้ยงรักษาหรือจ้างผู้อื่นเลี้ยงรักษาได้ เจ้าพนักงานตำรวจได้จับตัวนายน้อยกับพวกพร้อมโค ๑๗ ตัวในข้อหาไม่มีตั๋วรูปพรรณส่งให้แก่นายอำเภอเมืองในฐานะนายทะเบียนทำการสอบสวนหาเจ้าของ นายอำเภอเมืองจึงได้ทำสัญญาจ้างจำเลยเลี้ยงโคทั้ง ๑๗ ตัวดังกล่าว จำเลยผิดสัญญานำโคนั้นไปขายไม่สามารถส่งมอบโคคืนได้จำเลยได้ทำบันทึกรับว่าผิดสัญญาจริงขอผ่อนชำระเงินค่าโคราคา ๗๖,๕๐๐ บาท แต่ก็ไม่ชำระ จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมทั้งสามเข้ามาในคดี ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยทั้งสี่ให้การต่อสู้คดีอ้างว่าโคเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้พิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายอำเภอเป็นนายทะเบียนสัตว์พาหนะและเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะยึดสัตว์พาหนะนำส่งต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีแก่ผู้ที่ครอบครองสัตว์พาหนะไว้โดยไม่มีตั๋วรูปพรรณหรือมีแต่ไม่ถูกต้องกับตัวสัตว์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๔ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. ๒๔๘๒ และเห็นว่านายอำเภอเป็นพนักงานสอบสวน มีอำนาจสอบสวนเกี่ยวกับความผิดตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. ๒๔๘๒ การที่นายอำเภอเมืองสุโขทัยในฐานะพนักงานสอบสวนได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ ๑ เลี้ยงโคที่ไม่มีตั๋วรูปพรรณที่ยึดไว้ในคดีนี้ ตามเอกสารหมาย จ.๑ โดยไม่ปรากฏว่านายอำเภอเมืองสุโขทัยได้ทำสัญญาแทนหรือในนามของอำเภอหรือจังหวัดสุโขทัยนั้น การทำสัญญาของนายอำเภอเมืองสุโขทัยดังกล่าวจึงกระทำไปตามอำนาจและหน้าที่ของพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. ๒๔๘๒ โดยเฉพาะ ซึ่งไม่มีบทกฎหมายใดให้บุคคลอื่นใช้อำนาจหน้าที่นี้แทน ฉะนั้นจังหวัดสุโขทัยซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. ๒๔๘๒และมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ ๑ จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ เพื่อบังคับตามสัญญาจ้างเลี้ยงรักษาสัตว์ที่ยึดไว้ได้
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์