คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้วย่อมผูกพันจำเลยตามนั้นสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ต่อเมื่อเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่นๆการเปลี่ยนแปลงจำนวนและสถานที่ผิดไปจากเดิมมิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยจำเลยไม่อาจจะขอแก้ไขได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยฉบับลงวันที่13 กรกฎาคม 2537 โดยเฉพาะสัญญาข้อ 4 ความว่า จำเลยตกลงจะโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินส่วนกลางของอาคารชุดเทเวศร์แมนชั่นได้แก่ ที่จอดรถจำนวน 57 คัน ห้องอบไอน้ำซาวด์น่า ห้องโถงซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้องพักผ่อน ให้แก่นิติบุคคลอาคารชุดเทเวศร์แมนชั่น ในสภาพเรียบร้อยภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2537โดยจำเลยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการโอนแต่ผู้เดียว หากไม่ปฏิบัติตามยอมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์อีกต่างหากเป็นเงิน 350,000 บาท ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2537
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความอ้างว่ามีข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือมีข้อผิดหลงเล็กน้อยโดยแก้จาก”ที่จอดรถยนต์จำนวน 57 คัน” เป็นว่า “ที่จอดรถ” ตัด”ห้องซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้องพักผ่อน” ออกไปและเพิ่มเติม”ห้องออกกำลังกาย” เข้าไปแทน
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ยกคำร้อง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฝ่ายจำเลยจะมีอยู่อย่างไรย่อมเป็นหน้าที่ของทนายความของจำเลยที่จะตรวจสอบก่อนทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ เมื่อได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้วย่อมผูกพันจำเลยตามนั้นสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ต่อเมื่อเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 143 วรรคแรก แต่ข้อที่จำเลยขอแก้นั้นเป็นการตัดจำนวนที่จอดรถยนต์และสถานที่บางส่วนออกไป เพิ่มสถานที่ใหม่เข้ามาแทนซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจำนวนและสถานที่ผิดไปจากเดิม มิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย จำเลยไม่อาจจะขอแก้ไขได้
พิพากษายืน

Share