แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยกับพี่น้องทำสัญญาหุ้นส่วนโรงสีได้ดำเนินกิจการเรื่อยมาโดยจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จนถึง พ.ศ. 2498 หรือ พ.ศ. 2499 ได้ให้บริษัท ข. เช่าไป แม้ พ.ศ. 2509 จำเลยจะได้ขายโรงสีให้แก่บริษัท ข. ก็ตาม ห้างหุ้นส่วนสามัญนี้ยังอยู่มิได้เลิกกัน โจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนสามัญนี้ได้เสมอ
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีข้าวย่งฮั่วฮงและแต่งตั้งให้นายมณี สุขวิรัช เป็นผู้ชำระบัญชี
จำเลยให้การสู้คดีและว่า กิจการของยี่ห้อย่งฮั่วฮงเลิกกว่า 10 ปีแล้วหากจะเป็นหุ้นส่วนก็ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นเห็นว่ามีเหตุสมควรให้เลิกห้างหุ้นส่วนกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1055(4) พิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีข้าวย่งฮั่วฮงหรือหยงฮั้วฮองเลิกกัน และแต่งตั้งให้นายมณี สุขวิรัช เป็นผู้ชำระบัญชี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยกับพี่น้องและกองทุนบิดาโจทก์เป็นหุ้นส่วนโรงสีย่งฮั่วฮงตามสัญญาหุ้นส่วนที่ทำกันไว้จริง
ประเด็นเรื่องอายุความ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยกับพี่น้องทำสัญญาหุ้นส่วนโรงสีย่งฮั่วฮงแล้ว โรงสีย่งฮั่วฮงได้ดำเนินกิจการเรื่อยมาโดยจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจนถึงพ.ศ. 2498 หรือ พ.ศ. 2499 ได้ให้บริษัทข้าวคลองสวนจำกัดเช่าไป แม้ พ.ศ. 2509 จำเลยจะได้ขายโรงสีย่งฮั่วฮงให้แก่บริษัทข้าวคลองสวนจำกัดไปก็ตาม ศาลฎีกาเห็นว่าห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีย่งฮั่วฮงก็ยังอยู่ ยังมิได้เลิกกัน โจทก์จึงฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนสามัญนี้ได้เสมอ
พิพากษายืน