แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าอุทธรณ์ไม่มีข้อความเป็นอุทธรณ์ จึงไม่รับโจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ แล้วต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องพร้อมกับยื่นอุทธรณ์ใหม่อีก 1 ฉบับ (ภายในอายุความอุทธรณ์) ขอให้ศาลชั้นต้นรวมสำนวนส่งไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไป ดังนี้ เมื่อปรากฏความประสงค์อันชัดแจ้งของโจทก์ที่ยื่นอุทธรณ์ฉบับใหม่เข้ามาเพื่อจะขอแก้อุทธรณ์ฉบับเดิมและให้ถือเอาอุทธรณ์ฉบับใหม่เป็นส่วนหนึ่งของอุทธรณ์ฉบับเดิม มิใช่เป็นการยื่นอุทธรณ์ใหม่เป็นอีกฉบับหนึ่งแยกต่างหากจากฉบับเดิม อุทธรณ์ฉบับใหม่หาได้มีสภาพเป็นอุทธรณ์โดยแท้ไม่ หากมีสภาพเป็นทำนองคำแถลงประกอบอุทธรณ์ฉบับเดิมเท่านั้น และอุทธรณ์ฉบับเดิมที่ศาลสั่งไม่รับก็ไม่มีข้อความเป็นอุทธรณ์ทั้งคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ถึงที่สุดแล้วมีผลเท่ากับไม่มีอุทธรณ์ฉบับเดิมเป็นหลักอ้างอิงที่จะนำเอาอุทธรณ์ฉบับใหม่ประกอบการพิจารณา จึงไม่มีปัญหาจะต้องพิจารณาและวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ฉบับใหม่มีสภาพเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ฉะนั้นการที่จะรับอุทธรณ์ฉบับใหม่ของโจทก์ไว้ตามที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์อันใดอันจะพึงเกิดแก่คดีของโจทก์ จึงไม่รับอุทธรณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ วันที่ 7 ธันวาคม 2509 โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอุทธรณ์นี้ไม่มีข้อความเป็นอุทธรณ์จึงไม่รับ โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ ต่อมาวันที่ 12 ธันวาคม 2509 โจทก์ยื่นคำร้องพร้อมกับยื่นอุทธรณ์ใหม่อีก 1 ฉบับขอให้ศาลชั้นต้นรวมสำนวนส่งไปยังศาลอุทธรณ์ เพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษาต่อไป ศาลชั้นต้นให้รวมสำนวนส่งไปยังศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ไม่มีข้อความเป็นอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์จึงถูกต้องให้ยกคำร้อง ส่วนที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นเข้ามาใหม่อีกฉบับหนึ่ง โดยมีคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งรวมสำนวนส่งศาลอุทธรณ์นั้น ศาลชั้นต้นยังไม่ได้รับ จึงให้ศาลชั้นต้นตรวจสั่งอุทธรณ์ดังกล่าว (ฉบับลงวันที่12 ธันวาคม 2509) ต่อไป
ศาลชั้นต้นได้สั่งว่า เป็นอุทธรณ์ที่โจทก์ประสงค์เสนอเข้ามาในสำนวนประกอบอุทธรณ์ฉบับเดิม ทำนองคำแถลงเท่านั้นจึงไม่ใช่อุทธรณ์ที่จะพึงสั่งรับเป็นอุทธรณ์ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งโจทก์ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2509 ศาลมีคำสั่งไม่รับโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง แสดงว่ายืนยันยื่นอุทธรณ์ฉบับนั้นอยู่ การที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ฉบับนี้เข้ามาอีกจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรค 2 จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 12 ธันวาคม 2509
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์(คำร้องอุทธรณ์คำสั่งลงวันที่ 10 มกราคม 2510)
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำร้องอุทธรณ์คำสั่งฉบับลงวันที่ 10 มกราคม 2510 เพียงแต่ยืนยันว่าเป็นอุทธรณ์ที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่ได้ระบุข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2 ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อปรากฏความประสงค์อันชัดแจ้งของโจทก์ที่ยื่นอุทธรณ์ฉบับใหม่ (ฉบับลงวันที่ 12 ธันวาคม 2509) เข้ามาเพื่อจะขอแก้อุทธรณ์ฉบับเดิม และให้ถือเอาอุทธรณ์ฉบับใหม่เป็นส่วนหนึ่งของอุทธรณ์ฉบับเดิม มิใช่เป็นการยื่นอุทธรณ์ใหม่เป็นอีกฉบับหนึ่งต่างหากจากฉบับเดิม หรือเป็นการยื่นอุทธรณ์ซ้อนอุทธรณ์ฉบับเดิมดังนี้ ถือได้ว่าอุทธรณ์ฉบับใหม่ที่โจทก์ยื่นหาได้มีสภาพเป็นอุทธรณ์โดยแท้ไม่ หากมีสภาพเป็นทำนองคำแถลงประกอบอุทธรณ์ฉบับเดิมเท่านั้นจึงไม่มีปัญหาจะต้องพิจารณาและวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ฉบับใหม่มีสภาพเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เมื่อปรากฏว่าอุทธรณ์ฉบับเดิมศาลมีคำสั่งไม่รับเพราะเป็นอุทธรณ์ที่ไม่มีข้อความเป็นอุทธรณ์ คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ถึงที่สุดแล้ว ก็มีผลเท่ากับไม่มีอุทธรณ์เดิมอยู่เป็นหลักอ้างอิง ที่จะนำเอาอุทธรณ์ฉบับใหม่ไปประกอบการพิจารณาโดยถือเอาเป็นส่วนหนึ่งของอุทธรณ์ฉบับเดิม หรือเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ฉบับเดิมดังโจทก์ประสงค์ได้ ฉนั้นการที่จะรับอุทธรณ์ฉบับใหม่ของโจทก์ไว้ตามที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ก็ไม่มีประโยชน์อันใด จะพึงบังเกิดแก่คดีของโจทก์
พิพากษายืนตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ในผลที่ไม่รับอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาโจทก์เสีย