คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้ศาลแรงงานจะฟังว่าจำเลยต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 64,285.71 บาทก็ตาม แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยจ่ายเงินดังกล่าวเพียง 56,000 บาท ดังนั้นการที่ศาลแรงงานพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินนั้นแก่โจทก์ 64,285.71 บาทโดยไม่ได้อ้างเหตุอันสมควรเพื่อความเป็นธรรมแต่อย่างใด จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 52

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 56,000 บาท ค่าจ้างค้างจ่ายและค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 64,285.71 บาท และค่าจ้างค้างจ่ายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาวินิจฉัยเฉพาะอุทธรณ์ของจำเลยข้อ 2.2 ที่ศาลแรงงานกลางสั่งรับเป็นอุทธรณ์โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 64,285 บาท 71 สตางค์นั้นเกินกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้อง ขัดต่อมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาข้อนี้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยจะต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2530 ถึงวันที่31 มีนาคม 2530 เป็นเงินจำนวน 64,285 บาท 71 สตางค์ แต่ตามคำฟ้องบรรยายว่าโจทก์มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 42 วันเป็นเงิน 56,000 บาท และตามคำขอท้ายฟ้องก็ขอให้จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงินจำนวน 56,000 บาท ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 64,285 บาท 71 สตางค์นั้น เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องโดยไม่ได้อ้างเหตุอันสมควรเพื่อความเป็นธรรมแก่คู่ความแต่อย่างใดจึงไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 52 โดยตรง อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์จำนวน 56,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงาน”

Share