คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2393/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่1และที่2โฆษณา ประกาศขายอาคารพาณิชย์ให้แก่บุคคลทั่วไปว่าผู้ซื้ออาคารพาณิชย์จากจำเลยที่1และที่2จะได้รับประโยชน์มากกว่าผู้อื่นเพราะร้านค้าที่ซื้อไปสามารถเปิดค้าขายได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังมูลเหตุที่โจทก์ที่2ถึงที่7ซื้อที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์จากจำเลยที่1เกิดจากเชื่อตามโฆษณาของจำเลยดังกล่าวอันเป็นข้อสาระสำคัญที่โจทก์ที่2ถึงที่7ยอมซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในราคาสูงกว่าอาคารพาณิชย์ทั่วไปคำโฆษณาดังกล่าวเป็นสัญญาต่อเนื่องในการขายที่ดินระหว่างโจทก์ที่2ถึงที่7กับจำเลยที่1จึงไม่ตกอยู่ในบังคับที่จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมไม่เป็นโมฆะจำเลยที่1ต้องยอมโจทก์ที่2ถึงที่7ใช้ถนนพิพาทประกอบการค้าต่อไปจำเลยที่1จะเพิกถอนคำยินยอมโดยไม่มีเหตุอันควรไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ที่ 2 เป็น กรรมการ ผู้มีอำนาจ กระทำการ แทนจำเลย ที่ 1 จำเลย ที่ 1 ได้ โฆษณา ประกาศ ขาย อาคารพาณิชย์ พร้อม ที่ดินซึ่ง เป็น ของ จำเลย ที่ 1 โดย ให้ สัญญา และ ตกลง ว่า อาคารพาณิชย์ สามารถเปิด ค้าขาย และ สัญจร ไป มา ได้ ทั้ง ทาง ด้านหน้า และ ทาง ด้านหลังซึ่ง เป็น ที่ดิน ส่วน หนึ่ง ใน โฉนด ของ จำเลย ที่ 1 โจทก์ ที่ 1 ถึง ที่ 7ได้ ซื้อ อาคารพาณิชย์ พร้อม ที่ดิน ที่ จำเลย ที่ 1 ประกาศ โฆษณา แล้วเปิด ค้าขาย ทั้ง สอง ด้าน ตลอดมา จน กระทั่ง จำเลย ทั้ง สาม ร่วมกัน นำแผง เหล็ก มา ปิด กั้น ถนน ด้านหลัง แล้ว นำ วัสดุ ก่อสร้าง มา วาง กอง บน ถนนใน บริเวณ ที่ ปิด กั้น ทำให้ ได้รับ ความเสียหาย ขอให้ บังคับ จำเลยทั้ง สาม ร่วมกัน เปิด ถนน ด้านหลัง ให้ จำเลย ทั้ง สาม ร่วมกัน ใช้ เงินค่าเสียหาย แก่ โจทก์ ทั้ง เจ็ด
จำเลย ทั้ง สาม ให้การ ว่า จำเลย ที่ 1 ไม่เคย ให้ สัญญา ตกลง ยินยอมให้ โจทก์ ทั้ง เจ็ด ใช้ ถนน พิพาท เพียงแต่ ยินยอม อนุญาต ให้ ใช้ เข้า ออกสู่ ถนน มิตรเกษม เท่านั้น จำเลย ที่ 1 ได้ บอกเลิก คำ อนุญาต และ ห้าม โจทก์ ทั้ง เจ็ด ใช้ ถนน พิพาท เพราะ ต้องการ ก่อสร้าง อาคาร โรงแรมสำหรับ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 ไม่ต้อง รับผิด ใน ฐานะ ส่วนตัว เพราะ กระทำไป ใน นาม ของ จำเลย ที่ 1 ค่าเสียหาย สูง เกินกว่า ความ เป็น จริงขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ ทั้ง เจ็ด อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษากลับ ว่า ให้ จำเลย ทั้ง สาม ร่วมกัน เปิด ถนนด้านหลัง ให้ จำเลย ทั้ง สาม ร่วมกัน ใช้ ค่าทดแทน แก่ โจทก์ ที่ 1 ที่ 2ที่ 3 และ ที่ 6 คน ละ 15,000 บาท แก่ โจทก์ ที่ 4 ที่ 5 และ ที่ 7คน ละ 2,500 บาท
จำเลย ทั้ง สาม ฎีกา
ระหว่าง พิจารณา โจทก์ ที่ 1 ถึงแก่กรรม ไม่มี คู่ความ เจ้า มาเป็น คู่ความ แทน เมื่อ พ้น กำหนด 1 ปี นับแต่ วันที่ โจทก์ ที่ 1ถึงแก่กรรม แล้ว ศาลฎีกา จึง มี คำสั่ง จำหน่ายคดี เฉพาะตัว โจทก์ ที่ 1จาก สารบบความ
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟัง เป็น ยุติตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ว่า จำเลย ที่ 1 โดย จำเลย ที่ 2ได้ โฆษณา ประกาศ ขาย อาคารพาณิชย์ แก่ บุคคล ทั่วไป เมื่อ ระหว่าง ปี 2526ถึง 2527 โจทก์ ทั้ง เจ็ด ได้ ซื้อ อาคารพาณิชย์ จาก จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2ประเด็น ที่ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สาม ข้อ แรก มี ว่าโจทก์ ที่ 2 ถึง ที่ 7 มีสิทธิ ขอให้ จำเลย ทั้ง สาม ร่วมกัน เปิด ทางพิพาทได้ หรือไม่ ได้ความ จาก โจทก์ ที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 3 เบิกความ ว่าเมื่อ ระหว่าง ปี 2523 ถึง ปี 2527 จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ประกาศ ขายที่ดิน 21 แปลง พร้อม อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ให้ แก่ บุคคล ทั่วไป โดยโฆษณา ชักชวน ว่า อาคารพาณิชย์ ของ จำเลย ที่ 1 มี ดาดฟ้า ชั้น ลอยและ เปิด ค้าขาย ได้ ด้านหน้า และ ด้านหลัง รวม สอง ด้าน ตาม ใบ โฆษณาเอกสาร หมาย จ. 4 ถนน ด้านหน้า คือ ถนน มิตรเกษม ถนน ด้านหลัง เป็น ถนน รอบ ตลาด สด ของ จำเลย ที่ 1 โจทก์ ที่ 2 ถึง ที่ 7 ตกลง ซื้อ ที่ดินพร้อม อาคารพาณิชย์ จาก จำเลย ที่ 1 ใน ราคา สูง กว่า อาคารพาณิชย์ ทั่วไปหาก อาคารพาณิชย์ เปิด ร้านค้า ขาย ได้ แต่ ด้าน เดียว ราคา ซื้อ ขาย จะต่ำกว่า นี้ เมื่อ จำเลย ที่ 1 สร้าง อาคารพาณิชย์ และ ทำ ถนน ด้านหลังเป็น คอนกรีตเสริมเหล็ก แล้ว โจทก์ ที่ 2 ถึง ที่ 7 ก็ เข้า ไป อยู่ และเปิด ร้านค้า ขาย ตลอดมา ครั้น เมื่อ เดือน กันยายน 2531 จำเลย ทั้ง สามนำ แผง ไป ปิด กั้น ถนน ด้านหลัง อ้างว่า จะ นำ ที่ดิน ไป สร้าง โรงแรม ส่วน จำเลยทั้ง สาม นำสืบ ว่า โจทก์ ที่ 2 ถึง ที่ 7 ซื้อ ที่ดิน พร้อม อาคารพาณิชย์จาก จำเลย ที่ 1 เมื่อ เข้า อยู่ แล้ว สามารถ ใช้ ถนน มิตรเกษม ที่อยู่ ด้านหน้า ค้าขาย สัญญาซื้อขาย ที่ดิน และ อาคารพาณิชย์ ไม่ได้ ตกลงให้ ใช้ ถนน พิพาท จำเลย ที่ 1 ยินยอม ให้ ใช้ ถนน พิพาท เป็น การ ชั่วคราวเมื่อ เดือน สิงหาคม 2531 จำเลย ที่ 1 ขาย ตลาด สด รวม ถนน พิพาท ให้ แก่จำเลย ที่ 3 เพื่อ ก่อสร้าง เป็น โรงแรม เดือน กันยายน 2531 จึง นำ วัสดุไป กอง ที่ ถนน พิพาท เพื่อ ใช้ ใน การ ก่อสร้าง เห็นว่า การ ประกาศ ขาย ที่ดินพร้อม อาคารพาณิชย์ ให้ แก่ บุคคล ทั่วไป นี้ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2ได้ โฆษณา ชักชวน ว่า ผู้ซื้อ อาคารพาณิชย์ จาก จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2จะ ได้รับ ประโยชน์ มาก กว่า ซื้อ จาก ผู้อื่น เพราะ ร้านค้า ที่ ซื้อ ไปสามารถ เปิด ค้าขาย ได้ ทั้ง ด้านหน้า และ ด้านหลัง ตาม ใบ โฆษณาเอกสาร หมาย จ. 4 มูลเหตุ ที่ โจทก์ ที่ 2 ถึง ที่ 7 ซื้อ ที่ดิน พร้อมอาคารพาณิชย์ จาก จำเลย ที่ 1 เกิดจาก เชื่อ ตาม โฆษณา ว่า เมื่อ ประกอบกิจการ ค้า ใน อาคารพาณิชย์ ที่ ซื้อ จาก จำเลย ที่ 1 แล้ว จะ มี ลูกค้าเข้า ไป ซื้อ สินค้า ได้ ทั้ง ด้านหน้า และ ด้านหลัง อันเป็น ข้อ สาระสำคัญที่ โจทก์ ที่ 2 ถึง ที่ 7 ยอม ซื้อ ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง ใน ราคาที่ สูง กว่า อาคารพาณิชย์ ทั่วไป มีผล ทำให้ จำเลย ที่ 1 ผู้ขาย ได้รับค่าตอบแทน สูง คำ โฆษณา ดังกล่าว เป็น สัญญา ต่อเนื่อง ใน การ ขาย ที่ดินระหว่าง โจทก์ ที่ 2 ถึง ที่ 7 กับ จำเลย ที่ 1 จึง ไม่ ตกอยู่ใน บังคับที่ จะ ต้อง ทำ เป็น หนังสือ และ จดทะเบียน ต่อ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ย่อมไม่เป็น โมฆะ จำเลย ที่ 1 ต้อง ยอม ให้ โจทก์ ที่ 2 ถึง ที่ 7 ใช้ ถนน พิพาทประกอบการค้า ต่อไป จำเลย ที่ 1 จะ เพิกถอน คำ ยินยอม โดย ไม่มี เหตุอันควรมิได้ ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สาม ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share