คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2077/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่สิ่งก่อสร้างในที่ดินแปลงหนึ่ง เอนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินอีกแปลงหนึ่งนั้น ไม่ใช่เป็นการครอบครองที่ดินของผู้อื่น ฉะนั้นเจ้าของที่ดินที่สิ่งปลูกสร้างของตนรุกล้ำเข้าไปจะอ้างการครอบครองปรปักษ์เอาที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินคนละแปลงมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ด้านหนึ่ง จำเลยได้ทำกำแพงและรั้วสังกะสีรุกเข้าไปในที่ดินโจทก์ ๆ คัดค้าน จำเลยได้ฟ้องโจทก์นี้เป็นจำเลยขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ คดีเรื่องนั้นศาลได้พิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์นี้ชนะคดีโจทก์จึงได้แจ้งให้จำเลยรื้อกำแพงและรั้วสังกะสีตอนที่รุกล้ำออกไปจำเลยเพิกเฉยเสีย จึงขอให้ศาลบังคับ

จำเลยให้การต่อสู้หลายประการซึ่งคงมีประเด็นขึ้นสู่ศาลฎีกาเฉพาะข้อต่อสู้ว่า จำเลยได้ครอบครองปรปักษ์มาเป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้ว และโจทก์ได้อ้างในฟ้องว่ามีสิทธิตามคำพิพากษาในคดีแพ่งเรื่องก่อน แต่คำพิพากษาในคดีก่อนนั้นไม่ได้กล่าวถึงหรือให้สิทธิแก่โจทก์เช่นนั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อรั้วสังกะสีและกำแพงอิฐที่รุกล้ำเข้าไปออกเสีย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่าตอนหนึ่งของที่ดินโจทก์นั้นจำเลยไม่ได้รุกล้ำส่วนอีกตอนหนึ่งนั้นจำเลยได้ครอบครองปรปักษ์ล่วงเลยอายุความแล้วพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่าโจทก์อ้างสิทธิจากคดีก่อนว่าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี แต่ความจริงศาลไม่ได้พิพากษาเช่นนั้นแล้ว เห็นว่าตามฟ้องเป็นเรื่องโจทก์อ้างกรรมสิทธิ์ที่ศาลพิพากษาแล้วส่วนหนึ่งเท่านั้น สำหรับที่ดินด้านที่พิพาทตอนที่ 1 ศาลฎีกาฟังว่า เขื่อนของจำเลยเอนไปทางที่ของโจทก์จริง แต่เห็นว่าการที่สิ่งก่อสร้างของที่ดินแปลงหนึ่งเอนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินอีกแปลงหนึ่ง เจ้าของที่ดินที่รุกล้ำจะอ้างการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่ได้เพราะไม่ใช่การครอบครองที่ดินของผู้อื่นแต่ประการใด เช่นเดียวกับกิ่งไม้ที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นนั่นเอง สำหรับที่พิพาทตอนที่ 2 ข้อเท็จจริงคงฟังได้ว่าจำเลยได้ทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่โจทก์จริงโดยจำเลยขออาศัยชั่วคราวจะยกอายุความการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับ บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share