คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยกที่ดินมีโฉนดให้โดยเพียงแต่พูดด้วยวาจาไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทำชอบด้วยกฏหมายไม่
ทรัพย์มรดก เมื่อทายาทได้ปกครองร่วมกันมาแม้จะล่วงพ้นกำหนด 1 ปี หลังจากเจ้ามรดกตายแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ถึง 10 ปี ทายาทย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งมรดกนั้นได้
ที่งอกหน้าที่ดินย่อมตกเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น
ที่งอกหน้าที่ดิน เมื่อมีผู้ครอบครองเป็นส่วนสัดโดยความสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี ที่งอกนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ครอบครอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มารดาโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ได้รับมรดกที่ดินของนางสาวจิ๋ว และปกครองร่วมกันมาต่อมามารดาโจทก์ตาย ที่ดินส่วนมารดาโจทก์จึงตกเป็นของโจทก์ จำเลยที่ ๒ ได้มีหนังสือบอกกล่าวให้โจทก์ออกจากที่ดิน โจทก์ไปตรวจดูหลักฐานที่สำนักงานที่ดิน จึงทราบว่าจำเลยที่ ๑ ลอบไปขอรับมรดกนางสาวจิ๋วเสียแต่ผู้เดียวแล้วโอนให้จำเลยที่ ๒ ไปในวันเดียวกันโดยไม่สุจริต และจำเลยที่ ๑ ได้แจ้งการครอบครองที่งอกหน้าที่ดินต่อพนักงานที่ดินโดยปกปิดมิให้มารดาโจทก์และโจทก์ทราบ โจทก์ได้ร้องคัดค้างไว้แล้ว ขอให้ศาลเพิกถอนการโอนที่ดิน และการโอนรับมรดกของจำเลย และให้แบ่งที่ดินอันเป็นมรดกนางสาวจิ๋ว รวมทั้งที่งอกหน้าที่ดินให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง หรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน
จำเลยต่อสู้ว่า ก่อนตายนางสาวจิ๋วได้ยกที่ดินดังกล่าวให้จำเลย จำเลยได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวรวมทั้งที่งอกมาจนบัดนี้ การโอนรับมรดกและการยกให้ตลอดจนการแจ้งการครอบครอบ มารดาโจทก์กับโจทก์ทราบและยินยอมให้คัดค้าน มารดาโจทก์และโจทก์ที่ ๒ อยู่ในที่ดินตามฟ้องโดยอาศัยจำเลยที่ ๑ อยู่ คดีโจทก์ขาดอายุความมรดกและอายุความฟ้องร้องแล้ว และฟ้องแย้งขอให้ขับไล่
โจทก์ที่ ๒ ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า นางสาวจิ๋วไม่ได้ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ ๑ หากยกให้ก้มิได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือทำพินัยกรรมยกให้จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ครอบครอบเป็นปรปักษ์เกินกว่า ๑๐ ปี ที่ดินมรดกของนางสาวจิ๋วตกได้แก่มารดาโจทก์ กับจำเลยที่ ๑ มารดาโจทก์ตาย โจทก์ได้ครอบครองต่อมา ไม่ได้อาศัยจำเลยอยู่
ศาลขั้นต้นเห็นว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความที่ดินมารดกนางสาวจิ๋วตกได้แก่จำเลยที่ ๑ กับมารดาโจทก์คนละครึ่ง มารดาโจทก์ตาย ส่วนของมารดาจึงตกได้แก่โจทก์ส่วนที่งอก จำเลยที่ ๑ ได้แยกครอบครองเป็นส่วนสัดโดยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน ๑๐ ปีแล้วจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๑ พิพากษาว่า การจดทะเบียนรับมรดกที่ดินและจดทะเบียนโอนระหว่างจำเลยทั้งสองไม่ผูกพันส่วนของมารดาโจทก์ ให้แบ่งที่ดินเว้นส่วนที่งอกออกเป็นสองส่วนให้โจทก์กึ่งหนึ่ง หรือให้ประมวลราคาระหว่างกันเอง หรือขายทอดตลอดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นางสาวจิ๋วได้ยกที่ดินทั้งหมดให้จำเลยที่ ๑ จริง และที่งอกตลิ่งย่อมเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งหมด ให้ขับไล่ จำเลยที่ ๒ และบริวาร ให้รื้อเรือนออกไป และห้ามเกี่ยวข้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยอ้างว่านางสาวจิ๋วยกที่ดินให้นั้น เพียงพูดด้วยวาจาไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ข้อที่จำเลยว่าครอบครองปรปักษ์ก็รับฟังไม่ได้ ที่ดินมารดกนางสาวจิ๋วจึงตกได้แก่มารดาโจทก์จำเลยที่๑ และได้ครอบครองร่วมกันมา เมื่อมารดาโจทก์ตาย โจทก์ทั้งสามก็ยังอยู่ในที่นั้นต่อมา จึงมีสิทธฟ้องขอแบ่งมรดกของมารดาได้ แม้จะล่วงพ้นกำหนด ๑ ปี แล้ว ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๔๘ และโจทก์ฟ้องคดีไม่พ้น ๑๐ ปี จึงไม่ขาดอายุความ ส่วนที่งอกหน้าที่ดินเชื่อว่านางสาวจิ๋วยกให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ ได้ครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากกว่า ๑๐ ปี จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลขั้นต้น

Share