แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ซ. หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนโจทก์ แต่งตั้งให้ ป.เป็นทนายความ แม้ว่าในใบแต่งทนายจะระบุว่า ซ. เป็นผู้แต่งตั้งทนาย แต่ ซ. ได้ลงชื่อและประทับตราของห้างหุ้นส่วนโจทก์ไว้ด้วยแสดงถึงอำนาจในการแต่งตั้งทนายความแทนห้างหุ้นส่วนโจทก์ไว้แล้ว ส่วนด้านหลังใบแต่งทนาย แม้ ป. ผู้รับเป็นทนายจะระบุรับเป็นทนายให้ ซ. โดยมิได้ระบุถึงห้างหุ้นส่วนโจทก์ซึ่ง ซ. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่อาจแปลได้ว่า ป. รับเป็นทนายในฐานะส่วนตัวของ ซ. ดังนั้น การที่ ป. ลงชื่อเป็นผู้ฟ้องคดีของห้างหุ้นส่วนโจทก์ จึงหาเป็นการไม่ชอบไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ มีหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารรับส่งคนโดยสารให้จำเลยที่ ๒ ได้ขับรถยนต์โดยสารของจำเลยที่ ๒ ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ โดยมิได้ใช้ความระมัดระวัง บังอาจขับแซงขึ้นหน้ารถยนต์โดยสารคันของโจทก์ในขณะที่มีรถบรรทุกคันหนึ่งขับสวนทางมา แล้วเลี้ยวตัดหน้ารถยนต์โดยสารของโจทก์โดยกระชั้นชิดเบียดส่วนหน้าด้านขวาของรถยนต์โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การร่วมกันและฟ้องแย้งว่า เหตุคดีนี้เกิดจากความประมาทของคนขับรถคันของโจทก์ฝ่ายเดียว โจทก์ในฐานะนายจ้างต้องรับผิดร่วมในความเสียหายต่อจำเลยที่ ๒
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยว่า เหตุคดีนี้เป็นความประมาทของจำเลยที่ ๑ รถยนต์ของจำเลยไม่เสียหาย โจทก์ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๖,๐๐๐บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๑,๐๕๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๑๐,๔๕๐ บาท โดยเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์ในยอดเงิน ๓,๔๕๐ บาท ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท และวินิจฉัยในเรื่องค่าเสียหาย โดยเห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า นางซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ (ในฐานะส่วนตัว) เป็นผู้แต่งนายประมวล พันธุ์ประสิทธิ์ เป็นทนายความ มิใช่ห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยราชสีมาเป็นผู้แต่งตั้งทนาย และนายประมวล พันธุ์ประสิทธิ์ รับเป็นทนายความให้นายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ ปรากฏด้านหลังในใบแต่งทนาย อันเป็นการส่วนตัวของนายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ เท่านั้น การที่นายประมวล พันธุ์ประสิทธิ์ ลงชื่อเป็นผู้ฟ้องคดีของห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยราชสีมาจึงไม่ชอบ และฟ้องโจทก์ไม่บรรยายว่า จำเลยที่ ๒ จะต้องรับผิดในฐานะอย่างไรเป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์ในช่องระหว่างโจทก์จำเลยระบุว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยราชสีมา โดยนายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ หุ้นส่วนผู้จัดการแล้ว โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงตำแหน่งของนายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ไว้อีกด้วย แม้ว่าใบแต่งทนายจะมีระบุว่านายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ เป็นผู้แต่งตั้งทนาย แต่นายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ ได้ลงชื่อและประทับตราของห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยราชสีมาโจทก์ไว้ด้วย แสดงถึงอำนาจในการแต่งตั้งทนายแทนห้างหุ้นส่วนโจทก์ไว้แล้ว ส่วนด้านหลังใบแต่งทนายแม้นายประมวลจะระบุรับเป็นทนายให้นายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ โดยมิได้ระบุถึงห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยราชสีมาที่นายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกันแล้วก็ไม่อาจจะแปลได้ว่านายประมวล พันธุ์ประสิทธิ์ รับเป็นทนายในฐานะส่วนตัวของนายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ ได้ ดังที่จำเลยฎีกา และวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน