คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 902/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ซ. หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนโจทก์ แต่งตั้งให้ ป.เป็นทนายความ แม้ว่าในใบแต่งทนายจะระบุว่า ซ. เป็นผู้แต่งตั้งทนาย แต่ ซ. ได้ลงชื่อและประทับตราของห้างหุ้นส่วนโจทก์ไว้ด้วยแสดงถึงอำนาจในการแต่งตั้งทนายความแทนห้างหุ้นส่วนโจทก์ไว้แล้ว ส่วนด้านหลังใบแต่งทนาย แม้ ป.ผู้รับเป็นทนายจะระบุรับเป็นทนายให้ ซ. โดยมิได้ระบุถึงห้างหุ้นส่วนโจทก์ซึ่ง ซ. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่อาจแปลได้ว่า ป.รับเป็นทนายในฐานะส่วนตัวของ ซ. ดังนั้น การที่ ป. ลงชื่อเป็นผู้ฟ้องคดีของห้างหุ้นส่วนโจทก์ จึงหาเป็นการไม่ชอบไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารรับส่งคนโดยสารให้จำเลยที่ 2ได้ขับรถยนต์โดยสารของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2โดยมิได้ใช้ความระมัดระวัง บังอาจขับแซงขึ้นหน้ารถยนต์โดยสารคันของโจทก์ในขณะที่มีรถบรรทุกคันหนึ่งขับสวนทางมา แล้วเลี้ยวตัดหน้ารถยนต์โดยสารของโจทก์โดยกระชั้นชิดเบียดส่วนหน้าด้านขวาของรถยนต์โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การร่วมกันและฟ้องแย้งว่า เหตุคดีนี้เกิดจากความประมาทของคนขับรถคันของโจทก์ฝ่ายเดียว โจทก์ในฐานะนายจ้างต้องรับผิดร่วมในความเสียหายต่อจำเลยที่ 2

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยว่า เหตุคดีนี้เป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 รถยนต์ของจำเลยไม่เสียหาย โจทก์ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 6,000บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,050 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 10,450 บาท โดยเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์ในยอดเงิน 3,450 บาทในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท และวินิจฉัยในเรื่องค่าเสียหาย โดยเห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์

ข้อที่จำเลยฎีกาว่า นางซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ (ในฐานะส่วนตัว)เป็นผู้แต่งนายประมวล พันธุ์ประสิทธิ์ เป็นทนายความ มิใช่ห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยราชสีมาเป็นผู้แต่งตั้งทนาย และนายประมวลพันธุ์ประสิทธิ์ รับเป็นทนายความให้นายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ ปรากฏด้านหลังในใบแต่งทนาย อันเป็นการส่วนตัวของนายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์เท่านั้น การที่นายประมวล พันธุ์ประสิทธิ์ ลงชื่อเป็นผู้ฟ้องคดีของห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยราชสีมาจึงไม่ชอบ และฟ้องโจทก์ไม่บรรยายว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดในฐานะอย่างไร เป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้นศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์ในช่องระหว่างโจทก์จำเลยระบุว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยราชสีมา โดยนายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ หุ้นส่วนผู้จัดการแล้ว โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงตำแหน่งของนายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ไว้อีกด้วย แม้ว่าใบแต่งทนายจะมีระบุว่านายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์เป็นผู้แต่งตั้งทนาย แต่นายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ ได้ลงชื่อและประทับตราของห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยราชสีมาโจทก์ไว้ด้วย แสดงถึงอำนาจในการแต่งตั้งทนายแทนห้างหุ้นส่วนโจทก์ไว้แล้ว ส่วนด้านหลังใบแต่งทนายแม้นายประมวลจะระบุรับเป็นทนายให้นายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ โดยมิได้ระบุถึงห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยราชสีมาที่นายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกันแล้วก็ไม่อาจจะแปลได้ว่านายประมวล พันธุ์ประสิทธิ์ รับเป็นทนายในฐานะส่วนตัวของนายซง วงศ์เบ็ญจรัตน์ ได้ ดังที่จำเลยฎีกา และวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ไม่เคลือบคลุม

พิพากษายืน

Share