คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องกล่าวว่าเมื่อโจทก์ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากเจ้าของจำเลยได้ครอบครองชั้นล่างของห้องพิพาทอยู่แล้ว โดยเช่าช่วงจากผู้เช่าเดิม ดังนี้ จำเลยหาได้เข้าครอบครองโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ไม่ โจทก์จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน โจทก์จะฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้
โจทก์ตั้งประเด็นในฟ้องว่า จำเลยได้เช่าช่วงห้องพิพาทจากผู้เช่าเดิมมิได้เช่าจากโจทก์ แม้จำเลยจะให้การว่าได้เช่าจากโจทก์ก็ดี ศาลจะถือตามคำให้การจำเลยไม่ได้ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

ย่อยาว

คดี 2 สำนวนโจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าห้องเลขที่ 78,300 และอีก 3 ห้องจากนางปรุงกับพวกผู้เป็นเจ้าของ นายเซียวคึงจำเลยได้เช่าห้องเลขที่ 300 นายหลิ่วชุนเช่าห้องเลขที่ 78 จากนายวิงฟุกผู้จัดการมรดกนายซ่งเทียมผู้ถือกรรมสิทธิ์ห้องรายนี้แต่เดิม เฉพาะชั้นล่างเพื่อประกอบการค้า เมื่อโจทก์ได้เช่าห้องรายนี้จากเจ้าของแล้ว ได้แจ้งให้จำเลยและบริวารออกจากห้อง จำเลยไม่ยอมออกจึงขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่าได้เช่าห้องพิพาทจากนายซ่งเทียมบิดาโจทก์เพื่อประกอบการค้าและอยู่อาศัย โดยนายซ่งเทียมเช่าห้องรายนี้จากเจ้าของและให้จำเลยเช่าช่วง จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทกับให้ใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์ทำสัญญาเช่าห้องรายนี้จากนางปรุงกับพวก จำเลยเองเป็นผู้ครอบครองห้องชั้นล่างรายนี้อยู่แล้วโดยเช่าจากนายวิงฟุก จำเลยหาได้เข้าครอบครองโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ไม่ โจทก์จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน โจทก์จึงฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้ แม้โจทก์จะตั้งประเด็นว่าจำเลยเช่าห้องพิพาทจากนายวิงฟุกมิได้เช่าจากจำเลย แม้จำเลยจะให้การว่าได้เช่าจากโจทก์ก็ดี ศาลจะถือตามคำให้การจำเลยไม่ได้เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share