แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทางเดินพิพาทอยู่ในที่ดินโฉนดแปลงเดียวกัน ซึ่งมีเจ้าของรวม 2 ฝ่ายครอบครองร่วมกันมาโดยมิได้แยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด และในระหว่างนั้น ถึงแม้ผู้เช่าห้องแถวของเจ้าของรวมอีกฝ่ายหนึ่งจะได้ใช้ทางเดินพิพาทนั้นมาเป็นเวลา 20 ปีเศษก็ตาม และภายหลังเมื่อได้แบ่งแยกโฉนดครอบครองกันเป็นส่วนสัดแล้ว แต่ก็ยังใช้ทางเดินพิพาทนั้นไม่ถึง 10 ปี นับแต่ได้แยกกันครอบครองทางเดินพิพาทย่อมไม่เป็นทางภาระจำยอม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  เดิมที่ดินโฉนด ๖๐๔   จำเลยและนายอนันต์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน  แต่ได้ปกครองเป็นส่วนสัดโดยทั้งสองฝ่ายต่างปลูกห้องแถวให้เช่าในส่วนที่ดินของตนมาประมาณ ๒๐ ปีมาแล้ว  ที่ดินส่วนของจำเลยมีทางเดินออกสู่ถนนใหญ่อยู่กึ่งกลางที่ดินทั้ง ๒ แปลง  กว้างราว ๓ เมตร  ซึ่งผู้เช่าห้องของนายอนันต์ได้ใช้เป็นทางเดินติดต่อกันมาเป็นเวลา ๒๐ ปีเศษแล้วจึงตกเป็นทางภาระจำยอมตามกฎหมาย  ต่อมาวันที่ ๑๙ พ.ย. ๒๕๐๐  โจทก์ได้ซื้อที่ดินส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายอนันต์พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างซึ่งโจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ทางเดินดังกล่าว  แต่ต่อมาจำเลยได้ตีรั้วสังกะสีปิดล้อมทางเดินนั้นเสีย  ทำให้ผู้เช่าห้องแถวของโจทก์ไม่สามารถใช้ทางนี้ได้  ขอให้ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอม  และให้จำเลยเปิดทาง
จำเลยให้การว่าทางพิพาทไม่ใช่ทางภาระจำยอม
ศาลชั้นต้นฟังว่าที่ดินโฉนดที่ ๖๐๔ นี้  เดิมเป็นของนางทองดี ๆ ยกให้นายอนันต์และจำเลยซึ่งเป็นบุตร   ทั้งสองได้ปกครองร่วมกันมาเป็นส่วนสัด  จนเมื่อ พ.ศ.  ๒๔๙๙  จึงได้ตกลงแบ่งแยกกันเป็นส่วนสัด  และเห็นว่าภาระจำยอมจะเกิดขึ้นนั้น  ภารยทรัพย์และสามยทรัพย์จะต้องเป็นคนละเจ้าของ  ขณะใดทรัพย์ยังไม่ได้แบ่งแยก  กรรมสิทธิ์ยังรวมกันอยู่  จะเกิดภาระจำยอมหาได้ไม่  แม้จะได้ปกครองเป็นส่วนสัดก็ตาม  ที่ดินโฉนดที่ ๖๐๔ เป็นที่ผืนเดียวกัน  เพิ่งแบ่งแยกเมื่อ ๒-๓ ปีมานี้  ทางพิพาทจึงไม่ใช่ทางภาระจำยอม  พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า  ตั้งแต่มารดายกที่นี้ให้จนถึง พ.ศ. ๒๔๙๙ จำเลยและนายอนันต์ได้ปกครองร่วมกันมาไม่ได้แยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด  เพิ่งจะมาครอบครองเป็นส่วนสัดเมื่อได้ตกลงแบ่งแยกกันใน พ.ศ. ๒๔๙๙  การที่ตนอยู่ห้องแถวใช้ทางเดินนี้มาเป็นเวลา ๒๐ ปีเศษนั้น  ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอม  เพราะในระหว่างนั้นเป็นที่แปลงเดียวกัน  หลังจากแบ่งแยกกันเป็นส่วนสัดแล้ว  ก็ใช้ทางเดินนี้ไม่ถึง ๑๐ ปี   ทางพิพาทจึงยังไม่ตกเป็นทางภาระจำยอม  พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลอุทธรณ์  และเห็นว่าตามฟ้องสำนวนไม่ปรากฏว่าทางเดินรายพิพาทตกเป็นทางภาระจำยอมดังที่โจทก์ฎีกา  พิพากษายืน

