คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1754/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางเดินพิพาทอยู่ในที่ดินโฉนดแปลงเดียวกัน ซึ่งมีเจ้าของรวม 2 ฝ่ายครอบครองร่วมกันมาโดยมิได้แยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด และในระหว่างนั้น ถึงแม้ผู้เช่าห้องแถวของเจ้าของรวมอีกฝ่ายหนึ่งจะได้ใช้ทางเดินพิพาทนั้นมาเป็นเวลา 20 ปีเศษก็ตาม และภายหลังเมื่อได้แบ่งแยกโฉนดครอบครองกันเป็นส่วนสัดแล้ว แต่ก็ยังใช้ทางเดินพิพาทนั้นไม่ถึง 10 ปี นับแต่ได้แยกกันครอบครองทางเดินพิพาทย่อมไม่เป็นทางภาระจำยอม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่ดินโฉนด ๖๐๔ จำเลยและนายอนันต์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน แต่ได้ปกครองเป็นส่วนสัดโดยทั้งสองฝ่ายต่างปลูกห้องแถวให้เช่าในส่วนที่ดินของตนมาประมาณ ๒๐ ปีมาแล้ว ที่ดินส่วนของจำเลยมีทางเดินออกสู่ถนนใหญ่อยู่กึ่งกลางที่ดินทั้ง ๒ แปลง กว้างราว ๓ เมตร ซึ่งผู้เช่าห้องของนายอนันต์ได้ใช้เป็นทางเดินติดต่อกันมาเป็นเวลา ๒๐ ปีเศษแล้วจึงตกเป็นทางภาระจำยอมตามกฎหมาย ต่อมาวันที่ ๑๙ พ.ย. ๒๕๐๐ โจทก์ได้ซื้อที่ดินส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายอนันต์พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างซึ่งโจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ทางเดินดังกล่าว แต่ต่อมาจำเลยได้ตีรั้วสังกะสีปิดล้อมทางเดินนั้นเสีย ทำให้ผู้เช่าห้องแถวของโจทก์ไม่สามารถใช้ทางนี้ได้ ขอให้ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอม และให้จำเลยเปิดทาง
จำเลยให้การว่าทางพิพาทไม่ใช่ทางภาระจำยอม
ศาลชั้นต้นฟังว่าที่ดินโฉนดที่ ๖๐๔ นี้ เดิมเป็นของนางทองดี ๆ ยกให้นายอนันต์และจำเลยซึ่งเป็นบุตร ทั้งสองได้ปกครองร่วมกันมาเป็นส่วนสัด จนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙ จึงได้ตกลงแบ่งแยกกันเป็นส่วนสัด และเห็นว่าภาระจำยอมจะเกิดขึ้นนั้น ภารยทรัพย์และสามยทรัพย์จะต้องเป็นคนละเจ้าของ ขณะใดทรัพย์ยังไม่ได้แบ่งแยก กรรมสิทธิ์ยังรวมกันอยู่ จะเกิดภาระจำยอมหาได้ไม่ แม้จะได้ปกครองเป็นส่วนสัดก็ตาม ที่ดินโฉนดที่ ๖๐๔ เป็นที่ผืนเดียวกัน เพิ่งแบ่งแยกเมื่อ ๒-๓ ปีมานี้ ทางพิพาทจึงไม่ใช่ทางภาระจำยอม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ตั้งแต่มารดายกที่นี้ให้จนถึง พ.ศ. ๒๔๙๙ จำเลยและนายอนันต์ได้ปกครองร่วมกันมาไม่ได้แยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด เพิ่งจะมาครอบครองเป็นส่วนสัดเมื่อได้ตกลงแบ่งแยกกันใน พ.ศ. ๒๔๙๙ การที่ตนอยู่ห้องแถวใช้ทางเดินนี้มาเป็นเวลา ๒๐ ปีเศษนั้น ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอม เพราะในระหว่างนั้นเป็นที่แปลงเดียวกัน หลังจากแบ่งแยกกันเป็นส่วนสัดแล้ว ก็ใช้ทางเดินนี้ไม่ถึง ๑๐ ปี ทางพิพาทจึงยังไม่ตกเป็นทางภาระจำยอม พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลอุทธรณ์ และเห็นว่าตามฟ้องสำนวนไม่ปรากฏว่าทางเดินรายพิพาทตกเป็นทางภาระจำยอมดังที่โจทก์ฎีกา พิพากษายืน

Share