คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1169/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กล่าวฟ้องว่าจำเลยทำละเมิด โดยจำเลยขับรถยนต์ชนรถยนต์ของโจทก์เสียหายใช้ไม่ได้ทั้งคัน และเรียกค่าเสียหายเต็มราคารถตามที่เป็นอยู่ในขณะเกิดเหตุเช่นนี้ เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมเพราะจำเลยเข้าใจข้อหาของโจทก์ได้ดีและจำเลยยังได้ต่อสู้ตามสิทธิของตนว่าค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องนั้นสูงเกินไป เพราะรถของโจทก์อาจซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเดิมได้ และว่ามิใช่เป็นการเสียหายทั้งคันดังโจทก์ฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ขับรถ ร.ส.พ.ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ โดยประมาทและขับเร็วกว่าอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงเป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์เก๋งของโจทก์เสียหายใช้ไม่ได้ทั้งคันซึ่งมีราคา ๔๐,๐๐๐ บาท ศาลแขวงพระนครเหนือ พิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๒ ไปแล้ว ขอให้จำเลยทั้งสองจัดหารถยนต์ที่มีขนาด ชนิด และสภาพเดียวกันกับรถยนต์ของโจทก์ก่อนถูกชนมาใช้ให้แก่โจทก์ หรือขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใ่ช้ค่าเสียหาย ๔๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ให้การว่ารถโจทก์ซึ่งมาตามทางโท แซงหน้ารถที่จำเลยที่ ๒ ขับซึ่งมาตามทางเอกด้วยความประมาท เหตุเกิดไม่ใช่เพราะความผิดของจำเลยที่ ๒ ค่าเสียหายสูงเกินไป และตัดฟ้องว่าฟ้องเคลือบคลุม มิได้บรรยายให้แน่ชัดว่าเสียหายอะไรบ้างคดีขาดอายุความ
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ ๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๑๓,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาเรื่องฟ้องว่าเคลือบคลุมหรือไม่ ว่าฟ้องของโจทก์กล่าวข้อความชัดเจนว่ารถของโจทก์เสียหายทั้งคัน แสดงสภาพแห่งข้อหาชัดเจนอยู่แล้ว จึงได้เรียกร้องค่าเสียหายเต็มราคารถตามที่เป็นอยู่ในขณะเกิดเหตุ ๔๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ก็เข้าใจข้อหาของโจทก์ได้ดีและได้ต่อสู้ตามสิทธิของตนว่าค่าเสียหายสูงเกินไป เพราะรถของโจทก์อาจซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเดิมได้ มิใช่เป็นการเสียหายใช้ไม่ได้ทั้งคันดังฟ้อง ไม่ใช่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ส่วนการที่โจทก์จะชนะคดีได้ค่าเสียหายเต็มตามฟ้องหรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความจะได้นำสืบกันต่อไป ไม่เกี่ยวกับเรื่องเคลือบคลุม
ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยที่ศาลอุทธรณ์อธิบายเหตุผลแห่งการคำนวณค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดไว้ชัดเจน เหมาะสมตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดสำหรับคดีเรื่องนี้
พิพากษายืน

Share