คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 902/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยลักทรัพย์ เจ้าทรัพย์เข้าจับ จำเลยต่อสู้ใช้มีดปลายแหลมยาวทั้งตัวและด้ามเท่าปากกาหมึกซึมแทงเจ้าทรัพย์ 10 กว่าแผลรักษาเดือนเศษจึงหาย ไม่ใช่เรื่องวิวาทต่อสู้จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าคนโดยเจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ตกของวันที่ 7สิงหาคม 2498 จนถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นวันที่ 8 สิงหาคม 2498 อันเป็นเวลากลางคืนตามกฎหมาย จำเลยบังอาจเป็นคนร้ายมีมีดปลายแหลมเป็นสาตราวุธ เข้าทำการชิงทรัพย์ของนางสำเริง โลจายะได้ทรัพย์คือธนบัตรรวม 650 บาท สร้อยคอทองคำและจี้ทองคำราคา 1,250 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นราคา 1,900 บาท ในการชิงทรัพย์ครั้งนี้จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมเป็นสาตราวุธขู่เข็ญและแทงเจ้าทรัพย์และพวกของเจ้าทรัพย์รวม 2 คน จำเลยบังอาจใช้มีดปลายแหลมแทงนางสำเริงถูกที่ศีรษะและใต้ช่องรักแร้เป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บทุพพลภาพและจำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนายผัน สามีเจ้าทรัพย์ถูกที่นมซ้ายและส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเป็นบาดแผลรวม 12 แห่ง บาดเจ็บสาหัสถึงทุพพลภาพและพยาธิมีอาการประกอบด้วยทุกขเวทนากล้าเกิน 20 วันไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพได้โดยปกติสุข เพราะความทุพพลภาพและพยาธินั้นเกินกว่า 20 วันทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาฆ่านายผันให้ตาย แต่หากมีเหตุอันพ้นวิสัยของจำเลยจะป้องกันได้มาขัดขวางเสียโดยนายผันกับพวกได้ต่อสู้ขัดขวางมิให้จำเลยแทงนายผันต่อไปอีกนายผันจึงมิได้ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยเจ้าพนักงานและแพทย์ได้ชันสูตรบาดแผลของนางสำเริงและนายผันผู้บาดเจ็บไว้แล้ว ปรากฏตามใบชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องนี้ ในการที่จำเลยขู่เข็ญ ประทุษร้ายแก่ร่างกายและพยายามฆ่าเจ้าทรัพย์กับพวกดังนี้ก็เพื่อเป็นความสะดวกในการที่จำเลยจะลักทรัพย์เพื่อที่จะเอาทรัพย์และให้เจ้าทรัพย์กับพวกส่งทรัพย์ให้แก่จำเลย ทั้งเพื่อจะปกปิดการกระทำของจำเลยและหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา ตามวันเวลาดังกล่าวแล้วเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ เหตุเกิดที่ตำบลมหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาครจังหวัดสมุทรสาคร ก่อนคดีนี้จำเลยเคยถูกศาลจังหวัดสมุทรสาครพิพากษาลงโทษ เพราะได้เคยกระทำผิดมาแล้ว 4 ครั้งปรากฏตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง ขอให้เพิ่มโทษและลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 มาตรา 298, 299, 300, 254, 256, 249, 60, 72 และ 73

จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์ทุกประการไม่สู้คดี และรับว่า เคยต้องโทษมาแล้วตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง พ้นโทษยังไม่เกิน 3 ปี

ทางพิจารณาได้ความว่า คืนเกิดเหตุเวลาดึก นายผันผู้เสียหายนอนอยู่กับนางสำเริง ภรรยาในห้องชั้นบนของตึกสองชั้น จำเลยได้เข้าไปกระชากสร้อยคอของนางสำเริง เป็นเหตุให้นางสำเริงตกใจตื่นร้องขึ้นนายผัน สามีนางสำเริงช่วยกันปลุกปล้ำจับและต่อสู้กับจำเลยจำเลยใช้มีดพับแทงนายผันหลายที แทงถูกนางสำเริงด้วย แล้วหลบหนีไปปรากฏว่าเงิน 650 บาท ของเจ้าทรัพย์ที่ใส่ไว้ในลิ้นชักสูญหายไปด้วยส่วนสร้อยคอของกลาง จำเลยเอาไปไม่ได้ ปรากฏว่านายผันถูกแทง12 แห่งต้องรักษาตัวอยู่เดือนเศษจึงหาย ส่วนนางสำเริงถูกแทง 2 แห่ง รักษา 15 วันหาย

ได้ความเช่นนี้ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีเจตนาฆ่านายผันพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 มาตรา 298, 299, 300, 254, 256, 249 และ 60 ให้วางโทษตามมาตรา 249 และ 60 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกจำเลยไว้ 10 ปี เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่ง และลดกึ่งหนึ่งตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 73, 59 และ 39 คงจำคุก 10 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ 650 บาท แก่เจ้าทรัพย์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดียังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่านายผัน ส่วนข้อเพิ่มโทษจำเลยก็เพิ่มตาม มาตรา 73 ไม่ได้ คงเพิ่มได้ตาม มาตรา 72 พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 299, 300 วรรคสอง ให้ลงโทษจำคุกจำเลยตาม มาตรา 300 วรรคสองซึ่งเป็นบทหนัก มีกำหนด 9 ปี เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ 1 ใน 3 ตามมาตรา 72 เป็นจำคุก 12 ปี ลดฐานรับสารภาพให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 59 คงให้จำคุกจำเลยไว้ 6 ปี

โจทก์จำเลยฎีกา ฎีกาโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคนและชิงทรัพย์ ดังศาลชั้นต้น ฎีกาจำเลยว่าจำเลยควรมีความผิดเพียงฐานลักทรัพย์

ศาลฎีกาปรึกษาเห็นว่า เรื่องนี้ได้ความชัดว่า จำเลยมีมีดปลายแหลมยาวทั้งตัวและด้ามเท่าปากกาหมึกซึมติดตัว บังอาจขึ้นไปบนตึกชั้นสอง แล้วเข้าไปในห้องนอนเจ้าทรัพย์เวลาดึก กระทำการกระชากสร้อยคอเจ้าทรัพย์ขณะนอนหลับ ครั้นเจ้าทรัพย์เข้าทำการจับกุมจำเลยกลับใช้มีดแทงเจ้าทรัพย์สองคนผัวเมีย มีบาดแผลกว่า 10 แห่งดังกล่าวแต่ต้นเช่นนี้ ไม่มีเหตุจะวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยในการกระทำอันชั่วร้ายนี้ได้แต่อย่างใด เพราะไม่ใช่เรื่องวิวาทต่อสู้มิฉะนั้นแล้วจะเป็นการสนับสนุนผู้ร้ายที่ข่มเหงระรานเขา พอเขาเข้าจับก็กลับทำร้ายเขาตายก็จะแก้ตัวว่าไม่มีเจตนาฆ่าเพื่อรับโทษแต่น้อย ซึ่งไม่ชอบด้วยลักษณะของคดีและการกระทำ จำเลยย่อมมีผิดฐานพยายามฆ่าคนตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 60 ส่วนฎีกาจำเลยที่ว่าควรมีผิดเพียงฐานลักทรัพย์ก็ย่อมตกไป

เหตุนี้จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรค 4 (ที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด) กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 และ 60 กำหนดโทษจำคุก 10 ปี แต่จะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบแก่จำเลยมิได้ เพราะพระราชบัญญัติล้างมณฑิลโทษฯ มาตรา 3 บัญญัติให้ถือว่ามิได้เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดความอื่นนอกจากนี้คงยืน

Share