คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่ยื่นคำร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมนั้น จำเลยร่วมได้แนบสำเนาเอกสารมาพร้อมกับคำร้อง เมื่ออ้างเอกสารนั้นเป็นพยานจำเลยร่วมจึงไม่จำเป็นต้องส่งสำเนาเอกสารนั้นให้โจทก์อีก
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยซึ่งปกครองร่วมกันมา จำเลยร่วมซึ่งปกครองทรัพย์นั้นอยู่ด้วยได้ยื่นคำร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมหลังจากที่โจทก์ฟ้องประมาณ 3 เดือน เพื่อสู้คดีมิให้โจทก์ขอแบ่งทรัพย์สิน มิใช่เรียกร้องเอาทรัพย์มรดก โจทก์จะยกอายุความขึ้นอ้างว่าคดีของจำเลยร่วมขาดอายุความไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยได้ปกครองทรัพย์มรดกของนางยิ้มผู้ตายร่วมกันมา ต่อมาจำเลยไปประกาศรับมรดกเสียแต่ผู้เดียว จึงขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนตามที่จำเลยประกาศขอรับมรดกให้คืนสู่สภาพเดิม แล้วใส่ชื่อโจทก์จำเลยเป็นผู้รับมรดกร่วมกัน
จำเลยให้การและเพิ่มเติมว่า จำเลยไม่เคยตกลงแบ่งที่ดินของนายยิ้มเจ้ามรดกคนละครึ่งกับโจทก์ จำเลยได้ซื้อที่ดินบางส่วนจากนางยิ้ม และนายยิ้มได้ทำพินัยกรรมยกที่ให้นางใบ ๑๐ ไร่ ที่ของจำเลยและที่นางยิ้มซึ่งตกเป็นของจำเลยและนางใบตลอดจนที่ของโจทก์ ต่างได้ครอบครองกันเป็นส่วนสัดแล้ว
ระหว่างสืบพยานโจทก์ นางใบหรือทองใบ โพธิพันธุ์ได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ไม่เชื่อว่า นางยิ้มได้ขายนาให้จำเลยและทำพินัยกรรมยกที่ให้จำเลยร่วม ให้เพิกถอนนิติกรรมที่จำเลยประกาศรับมรดกเสียให้คืนสู่สภาพเดิม แล้วลงชื่อโจทก์จำเลยเป็นผู้รับมรดกร่วมกัน
จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่าโจทก์จำเลยได้ครอบครองนาพิพาทร่วมกันมาเฉพาะ ๒๔ ไร่เศษ และนางยิ้มได้ทำพินัยกรรมยกที่ให้จำเลยร่วม ๑๐ ไร่ คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ พิพากษาแก้ให้ลงชื่อโจทก์จำเลยและจำเลยร่วมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วยกัน โดยให้จำเลยร่วมมีส่วนได้รับตามพินัยกรรม ๑๐ ไร่
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นางยิ้มได้ทำพินัยกรรมยกนาพิพาทให้นางใบจำเลยร่วม ๑๐ ไร่จริง ฎีกาโจทก์ที่ว่าจำเลยร่วมไม่ได้ส่งสำเนาพินัยกรรมให้โจทก์ จึงเป็นเอกสารที่ศาลไม่ควรรับฟังนั้น ปรากฏว่าเวลาจำเลยร่วมยื่นคำร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยนั้น จำเลยร่วมได้แนบสำเนาพินัยกรรมมาให้โจทก์ทราบแล้ว จึงไม่ต้องส่งอีก ส่วนที่ว่าคดีของจำเลยร่วมขาดอายุความแล้ว เพราะมาเรียกร้องนาพิพาทตามข้อกำหนดในพินัยกรรมหลังจากนางยิ้มถึงแก่กรรมเกินกว่า ๑๐ ปีแล้วนั้น ปรากฏว่านาพิพาท ๑๐ ไร่ จำเลยร่วมได้ปกครองทำตลอดมา เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์พิพาทได้ประมาณ ๓ เดือน จำเลยร่วมทราบก็มาร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยร่วมเพื่อสู้คดีมิให้โจทก์ขอแบ่งทรัพย์สิน มิใช่เรียกร้องเอาทรัพย์มรดก โจทก์จะยกอายุความขึ้นอ้างในกรณีนี้หาได้ไม่
ส่วนที่จำเลยฎีกานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า นางยิ้มไม่ได้ทำสัญญาขายนาส่วนที่เหลือจากทำพินัยกรรมให้จำเลย และเชื่อว่าโจทก์จำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองนาส่วนนี้ร่วมกันมา
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์จำเลย

Share