คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องมีสารสำคัญเพียงว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่าย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่มีคำบรรยายฟ้องตอนใดเลยที่มีข้อความพอจะให้ฟังได้ว่าที่จำเลยมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายนั้นจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือจำเลยห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยทุจริตดังที่บัญญัติไว้ตามอนุมาตรา (1) และ (5) ของพระราชบัญญัติดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2517 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจออกเช็คธนาคารแหลมทอง จำกัด สาขาอโศก เลขที่ เอ.017108 สั่งจ่ายเงิน160,000 บาท โดยสั่งจ่ายเงินในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2519 เพื่อเป็นการชำระหนี้ให้แก่โจทก์เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชีที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัดสาขาสนามเป้า เพื่อให้เรียกเก็บเงินจากธนาคารแหลมทอง จำกัด สาขาอโศกแต่ธนาคารแหลมทอง จำกัด สาขาอโศก ได้ปฏิเสธการจ่ายโดยให้เหตุผลว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่าย โจทก์ทวงถาม จำเลยเพิกเฉยโจทก์ได้รับความเสียหายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง แล้วสั่งประทับฟ้องโจทก์

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ขาดองค์ประกอบความผิดพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ต้องเกิดขึ้นจากกรณีใดกรณีหนึ่งใน 5 กรณี ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 3 ตั้งแต่อนุมาตรา (1) ถึง (5) ซึ่งแต่ละอนุมาตรามีองค์ประกอบความผิดอยู่ในตัวเอง ดังนั้น เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องมีสารสำคัญเพียงว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่ายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่มีคำบรรยายฟ้องตอนใดเลยที่มีข้อความพอจะให้ฟังได้ว่าจำเลยมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายนั้น จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะให้ไม่มีการใช้เงินตามเช็ค หรือจำเลยห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยทุจริตดังที่บัญญัติไว้ตามอนุมาตรา (1)และ (5) ของพระราชบัญญัติดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหมาย ที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share