คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายไม้ มีกำหนดการซื้อขายเป็นเวลา 1 ปี และมีข้อสัญญาเกี่ยวกับจำนวนไม้อย่างต่ำที่จะต้องซื้อขายกันต่อเดือน เมื่อจำเลยผู้ขายได้รับเงินมัดจำค่าซื้อไม่จากโจทก์ 200,000 บาท เงินจำนวนนี้ย่อมเป็นเงินมัดจำตามสัญญาซื้อขายที่มีกำหนดเวลาซื้อขายกัน 1 ปี ไม่ใช่เงินมัดจำสำหรับการซื้อขายไม้จำนวนใดจำนวนหนึ่งหรือของเดือนใดเดือนหนึ่ง ดังนั้น แม้จะได้ความว่า ไม้จำนวน 5 หีบที่ตัวแทนโจทก์ได้คัดเลือกให้จำเลยเพื่อส่งไปให้โจทก์ยังต่างประเทศ จะมีราคาประมาณ 200,000 บาท โจทก์ก็จะนำเงินมัดจำดังกล่าวมาหักเอาชำระราคาไม้ที่จะส่งออกไม่ได้ เพราะการซื้อขายยังไม่เสร็จสิ้น ยังจะต้องมีการซื้อขายตามสัญญาอีกจนกว่าจะครบ 1 ปี หากนำเงินมัดจำดังกล่าว มาหักชำระราคาไม้รายพิพาทแล้ว ก็จะไม่มีเงินมัดจำเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายต่อไปอีก
เมื่อได้ความว่า ตามประเพณีการค้า การส่งสินค้าไปต่างประเทศ ผู้ซื้อจะต้องเปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิตมาให้ผู้ขาย เท่าราคาสินค้าที่ส่งออกอันเป็นวิธีการเกี่ยวกับการชำระเงินค่าสินค้า และปรากฏว่าเป็นความผิดของโจทก์เอง ที่เปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิตมาให้จำเลยไม่พอกับราคาไม้ที่ส่งออก จึงส่งไม้ออกไปให้โจทก์ไม่ได้ เช่นนี้จำว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้ไม่ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกเงินมัดจำดังกล่าวคืน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาซื้อไม้จากจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ตัวแทนลงนามในสัญญาซื้อขาย และโจทก์ได้ให้เงินมัดจำแก่จำเลย ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่จำเลยไม่ส่งไม้ให้โจทก์ตามสัญญา ทั้งโจทก์ยังได้ติดต่อซื้อหุ้นบริษัทจำเลยที่ ๑ โดยวางเงินมัดจำไว้แล้วเป็นเงิน ๘๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยก็ไม่โอนหุ้นให้โจทก์ จึงขอให้จำเลยคืนเงินมัดจำทั้งสองจำนวนพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า เกี่ยวกับการซื้อไม้นั้นโจทก์ไม่เปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิตให้จำเลย เท่ากับราคาไม้ที่จะส่งออก จึงส่งไม้ไปให้จำเลยไม่ได้ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ไม่มีสิทธิเรียกมัดจำคืน ส่วนเงินค่าซื้อหุ้นนั้น โจทก์ตกลงจะชำระค่าหุ้น ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินมัดจำแต่ชำระให้เพียง ๘๕๐,๐๐๐ บาท แล้วไม่ชำระให้อีก ทั้งไม่ตั้งตัวแทนมารับโอนหุ้น โจทก์จึงผิดนัดไม่มีสิทธิเรียกมัดจำคืน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทให้โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าโจทก์หรือจำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญา ซื้อขายไม้อัดสักวีเนียร์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ตามเอกสารหมาย ล.๑๐ มีกำหนดการซื้อขายเป็นเวลา ๑ ปี และมีข้อสัญญาเกี่ยวกับจำนวนไม้อย่างต่ำที่จะต้องซื้อขายกันต่อเดือน จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ ๑ ได้รับเงินมัดจำค่าซื้อไม้จากโจทก์ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ตามเอกสารหมาย ล.๑๔ เงินจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท จึงเป็นเงินมัดจำตามสัญญาซื้อขายที่มีกำหนดเวลาซื้อขายกัน ๑ ปี ไม่ใช่เงินมัดจำสำหรับการซื้อขายไม้จำนวนใดจำนวนหนึ่งหรือของเดือนใดเดือนหนึ่ง ฉะนั้น แม้ได้ความว่าไม้จำนวน ๕ หีบที่นายไมเคิล จอง ชาน เซ็ง ตัวแทนโจทก์ได้คัดเลือกให้จำเลยส่งไปให้โจทก์ที่สิงค์โปร์จะมีราคาประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ไม่เกินเงินมัดจำที่โจทก์มอบให้จำเลยที่ ๑ แล้วก็ตาม ก็จะนำเงินมัดจำดังกล่าวมาหักเอาชำระราคาไม้ที่จะส่งออกไม่ได้ เพราะสัญญาซื้อขายมีกำหนดเวลาซื้อขาย ๑ ปี แม้จำเลยที่ ๑ ส่งไม้รายพิพาทไปให้โจทก์ การซื้อขายก็ยังไม่เสร็จสิ้น ยังจะต้องมีการซื้อขายตามสัญญากันอีกจนกว่าจะครบ ๑ ปี หากนำเงินมัดจำดังกล่าวมาหักชำระราคาไม้รายพิพาทแล้ว ก็ย่อมไม่มีเงินมัดจำเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายต่อไปอีก ทั้งคู่สัญญาไม่ได้ตกลงยินยอมให้นำเงินมัดจำมาหักชำระราคาไม้รายพิพาทได้ ส่วนสัญญาขายไม้เอกสารหมาย จ.๒ ที่นายเชษฐ์ผู้จัดการฝ่ายโรงงานของจำเลยที่ ๑ ทำกับตัวแทนโจทก์ มีข้อความเกี่ยวกับการชำระเงินด้วยเลตเตอร์ออฟเครดิตที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้ เป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท คู่ความนำสืบรับกันว่า ตามประเพณีการค้าการส่งสินค้าออกไปต่างประเทศ ผู้ซื้อจะต้องเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตมาให้ผู้ขายเท่าราคาสินค้าที่ส่งออกอันเป็นวิธีการเกี่ยวกับการชำระเงินค่าสินค้า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อนายไมเคิล จอง ชาน เซ็ง ตัวแทนโจทก์ คัดเลือกไม้จำนวน ๕ หีบ ให้จำเลยส่งออกไปให้โจทก์ที่สิงค์โปร์ จำเลยได้จัดทำเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการส่งสินค้าออกตามเอกสารหมาย ล.๑๕ ไปยื่นต่อธนาคาร เอเชียทรัสต์ จำกัด สาขาท่าดินแดง เพื่อจะส่งไม้ไปให้โจทก์ แต่ตัวแทนโจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตมาให้จำเลยที่ ๑ เพียง ๓๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ จึงส่งไม้ออกไปให้โจทก์ไม่ได้ เพราะขัดต่อกฏข้อบังคับของธนาคารแห่งประเทศไทย และจำเลยได้บอกตัวแทนโจทก์ให้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้เท่าจำนวนราคาไม้ที่ส่งออกแล้ว แต่ตัวแทนโจทก์ไม่ปฏิบัติ ดังนี้ จะถือว่าจำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้ไม่ แต่เป็นความผิดของโจทก์เองที่เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตมาให้จำเลยที่ ๑ ไม่พอกับราคาไม้ที่จะส่งออก โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินมัดจำค่าซื้อไม้คืนได้ คำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองเกี่ยวกับเงินมัดจำค่าซื้อไม้ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาเกี่ยวกับเงินมัดจำค่าซื้อไม้ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share