แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องรับผิดในวินาศภัยที่เกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่งก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบสำหรับวินาศภัยที่เกิดขึ้นเมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในการละเมิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 4 ให้รับผิด
ปัญหาอำนาจฟ้องเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่ 4 จะมิได้ต่อสู้ไว้ในคำให้การ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 4 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ขับรถโดยประมาทชนรถนายอัธยาสามีโจทก์จนถึงแก่ความตาย ส่วนจำเลยที่ 4 ได้ทำสัญญารับประกันภัยรถคันดังกล่าวกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 โดยตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นแทนจำเลยที่ 2 ที่ 3 เมื่อรถที่เอาประกันภัยก่อความเสียหายแก่บุคคลอื่น ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การว่าจำเลยที่ 1 มิใช่เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ที่ 3 และจำเลยที่ 1 มิได้ประมาท จำเลยที่ 3 ได้ขายรถคันดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้ขายต่อให้กับนายน่ำเซีย แซ่แต้ แล้วก่อนเกิดเหตุ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไป
จำเลยที่ 4 ให้การว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขับรถโดยประมาท ค่าเสียหายสูงเกินไป
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทชนรถสามีโจทก์ขับจนสามีโจทก์ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ที่ 3 มิใช่นายจ้างของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย จำเลยที่ 4 รับประกันภัยต้องรับผิดเฉพาะค่าปลงศพ พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าสินไหมทดแทน 150,000 บาท โดยให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดด้วย 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ที่ 3
จำเลยที่ 4 อุทธรณ์ว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิด
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยไม่มีความรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ใช่นายจ้างของจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 แต่มูลแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกมิได้ เมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ยกความข้อนี้ขึ้นต่อสู้ไว้แล้ว ต้องถือว่าได้ทำแทนจำเลยที่ 4 ด้วย ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59(1) พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องรับผิดในวินาศภัยที่เกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่งก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบสำหรับวินาศภัยที่เกิดขึ้นเมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในการละเมิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 4 ให้รับผิด ปัญหาอำนาจฟ้องเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้ต่อสู้ไว้ในคำให้การ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 4 ได้ โดยไม่จำต้องวินิจฉัยข้อฎีกาของโจทก์ว่ามูลความแห่งคดีนี้เป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกกันได้หรือไม่อีก
พิพากษายืน