คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ใดมีชื่อในโฉนดที่ดิน ย่อมสันนิษฐานในเบื้องต้นว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น จนกว่าจะถูกพิสูจน์หักล้างเสีย
มัสยิดที่ยังมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลย่อมไม่อยู่ในฐานะรัรบอุทิศทรัพย์สินที่มีผู้จะอุทิศให้
อ้างฎีกาที่ 792/2497

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยักยอก ขอให้ลงโทษประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๓๕๓, ๘๓, ๙๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๑ – ๒ มีชื่อในโฉนดนั้นย่อมสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๑ – ๒ จนกว่าผู้ที่กล่าวอ้างว่าตนมีกรรมสิทธิ์ดีกว่าจะได้พิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานนี้ได้ ข้อเท็จจริงยุติแล้วว่า จำเลยที่ ๑ – ๒ เคยอุทิศที่ดินแปลงนี้ให้แก่มัสยิดดุสลาม การอุทิศไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะมัสยิดดุสลามไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในขณะนั้น ไม่อยู่ในฐานะรับอุทิศได้ตามกฎหมายดังที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๙๒/๒๔๙๗ จึงต้องฟังว่ากรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินแปลงนี้ยังเป็นของจำเลยที่ ๑ – ๒ อยู่
ส่วนข้อที่ขอให้วินิจฉัยว่า มัสยิดดุสลามมีอำนาจฟ้องหรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะเมื่อฟังว่ากรรมสิทธิ์ยังเป็นของจำเลยที่ ๑ – ๒ คดีไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
พิพากษายืน

Share