คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเซ็นชื่อในหนังสือมอบอำนาจเพื่อให้ ล.เอาทีดินของจำเลยไปจำนองไม่เกิน 60,000 บาท ส่วนข้อความในใบมอบอำนาจให้ ล. กรอกเอาเอง ต่อมา ล.กรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจว่า ล.เป็นผู้มีอำนาจจำนอง และจำนองโจทก์ไว้เป็นเงิน 200,000 บาทดังนี้หาทำให้การตั้งตัวแทนเป็นโมฆะไม่ แต่เป็นเรื่องที่ ล.ทำเกินอำนาจของตน ซึ่ง ล.จะต้องรับผิดต่อจำเลยเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก แต่ทางปฎิบัติของจำเลยทำให้โจทก์เชื่อว่าการที่ ล.จำนองโจทก์ถึง 200,000 บาทนั้น อยู่ในอำนาจของ ล. เพราะถ้าจำเลยจะให้บุคคลอื่นรู้ว่า ล.มีอำนาจจำนองได้เพียง 60,000 บาท ก็ชอบที่จะเขียนจำนวนเงินที่จะจำนองลงในหนังสือมอบอำนาจให้ปรากฎชัด การที่จำเลยละเลย ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้รับจำนองโดยสุจริต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจำนองที่ดินโฉนด ๒๒๑ พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่โจทก์ราคา ๒๐๐,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยชั่งละบาทต่อเดือน จำเลยค้างชำระดอกเบี้ย ทวงก็ผัดผ่อน ได้บอกกล่าวให้ไถ่ถอน ก็ไม่ไถ่ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยไม่ถอน พร้อมชำระดอกเบี้ยที่ค้าง
จำเลยให้การว่า ไม่เคยจำนองที่ดินจำนองเคยติดต่อนายเลิศเพื่อให้จำนองที่ดินรายนี้กับธนาคาร ๖๐,๐๐๐ บาท นายเลิศตกลงออกเงิน ๖๐,๐๐๐ บาทให้แก่จำเลย แล้วให้จำเลยเซ็นชื่อในหนังสือมอบอำนาจตามแบบพิมพ์ของสำนักงานที่ดินโดยไม่ได้กรอกข้อความ เพื่อจำนองที่ดินรายนี้โดยนายเลิศทำหนังสือรับรองให้จำเลยไว้ ต่อมานายเลิศได้ปลอมใบมอบอำนาจของจำเลยไปจำนองโจทก์ เป็นการปลอมแปลงยักยอกลายเซ็นและฉ้อโกงจำเลย ๆ ฟ้องนายเลิศทางอาญา นายเลิศหลบหนี จำเลยไม่เคยรับเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท จากโจทก์หรือนายเลิศ โจทก์รู้เห็นเรื่องนายเลิศฉ้อโกงจำเลยและปลอมใบมอบอำนาจโดยตลอด สัญญาจำนองมิได้มุ่งให้ผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์เพียงประสงค์ดอกเบี้ยและค่าปากถุง จึงยอมรับจำนองไว้ทั้งรู้ว่านายเลิศปลอมใบมอบอำนาจโจทก์กับนายเลิศตกลงกันเอง จะบังคับชำระหนี้จากนายเลิศโดยไม่บังคับจำนอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแพ่งฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยประสงค์จะจำนองที่ดินของจำเลยกับธนาคารเป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท ถึงได้เซ็นชื่อในใบมอบอำนาจโดยไม่ได้กรอกข้อความ แล้วมอบให้นายเลิศไป นายเลิศเอาไปจำนองโจทก์เป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท โดยมากรอกข้อความ ณ สำนักงานทะเบียนที่ดิน เป็นการนอกขอบเขตที่จำเลยมอบให้ไป แต่โจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยมอบอำนาจให้ไปจำนองต่อธนาคารเพียง ๖๐,๐๐๐ บาท ดังนั้น จำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญาจำนอง พิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่ ๑๔ กันยายน ๒๕๐๐
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยชั่งละบาทต่อเดือน นับแต่ กันยายน ๒๕๐๐ แต่ไม่เกิน ๔๓,๒๕๐ บาท ที่โจทก์ขอ และนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะใช้เงินเสร็จ หากจำเลยไม่ใช้ก็ให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดใช้หนี้ นอกจากนี้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า นายสกลสามีจำเลยต้องการจะกู้เงินจากธนาคาร ๖๐,๐๐๐ บาท จึงติดต่อนายเลิศ วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๐๐ นายเลิศมาหานายสกลและจำเลยที่บ้าน บอกว่าธนาคารให้กู้แล้ว แต่อาจจะได้เงินข้า นายเลิศจะเอาเงินส่วนตัวออกให้ก่อน ให้นายสกลทำสัญญากู้นายเลิศไว้ แล้วให้จำเลยมอบโฉนดที่ ๒๒๑ กับเซ็นชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้แก่นายเลิศ เพื่อนายเลิศจะเอาไปจำนองไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท ส่วนข้อความในใบมอบอำนาจ นายเลิศจะไปกรอกภายหลัง ทั้งนี้ นายเลิศได้ทำหนังสือรับรองให้จำเลยไว้ว่าจะเอาไปจำนองไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท เพื่อประกันแทนเงินกู้ที่นายเลิศกู้มาให้นายสกล ถ้านายสกลส่งเงิน ๖๐,๐๐๐ บาทให้แก่นายเลิศแล้ว นายเลิศจะคืนโฉนดให้ นายสกลได้ทำหนังสือมีความว่าตามที่จำเลยมอบอำนาจให้นายเลิศทำการจำนองที่ดินโฉนดที่ ๒๒๑ นั้น นายสกลยินยอมอนุญาตแล้ว มอบให้นายเลิศไปด้วย นายเลิศออกเช็คจ่ายเงินให้นายสกลและจำเลย ๖๐,๐๐๐ บาท ต่อมานายเลิศเอาที่ดินไปจำนองโจทก์ ๒๐๐,๐๐๐ บาท โดยนายเลิศกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจในวันทำสัญญาจำนองนั้นเองว่า ให้นายเลิศเป็นผู้มีอำนาจจัดการจำนองกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
ในชั้นฎีกานี้ จำเลยมิได้โต้เถียงว่า โจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยมีเจตนาจำนองเพียง ๖๐,๐๐๐ บาท และข้อเท็จจริงในสำนวนจำเลยก็นำสืบไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทราบเช่นนั้น ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังตามคำพยานโจทก์ว่า โจทก์มิได้ทราบว่าจำเลยมอบอำนาจให้นายเลิศจำนองได้เพียง ๖๐,๐๐๐ บาท
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้ จำเลยตั้งนายเลิศเป็นตัวแทนไปจัดการจำนองที่ดินของจำเลย นายเลิศก็ไปทำการจำนองตามที่จำเลยมอบหมาย แม้นายเลิศจะไปจำนองเกินกว่า ๖๐,๐๐๐ บาท ที่จำเลยสั่งไว้ ก็หาทำให้การตั้งตัวแทนเป็นโมฆะไม่ เป็นเรื่องนายเลิศทำเกินอำนาจของตนซึ่งนายเลิศจะต้องรับผิดต่อจำเลยเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก แต่ทางปฏิบัติของจำเลยทำให้โจทก์เชื่อว่า การที่นายเลิศจำนองโจทก์ถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท นั้น อยู่ในอำนาจของนายเลิศ เพราะจำเลยได้เซ็นชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้นายเลิศมากรอกข้อความเอาเอง ย่อมแสดงให้คนทั้งหลายเข้าใจว่าจำเลยไว้วางใจนายเลิศสุดแต่นายเลิศจะจำนองเท่าใด ถ้าจำเลยจะให้บุคคลอื่นรู้ว่านายเลิศมีอำนาจจำนองได้เพียง ๖๐,๐๐๐ บาท จำเลยก็ชอบที่จะเขียนจำนวนเงินที่จะจำนองลงในหนังสือมอบอำนาจให้ปรากฎชัด การที่จำเลยละเลยเช่นนี้ถือได้ว่า เป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้รับจำนองโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๒๒ ฉะนั้น การที่จำเลยตั้งนายเลิศเป็นตัวแทนไปจำนองที่ดินมิได้เป็นโมฆะแต่ประการใด หากแต่นายเลิศไปทำเกินอำนาจ โดยโจทก์เข้าใจว่าอยู่ในอำนาจของนายเลิศ สัญญาจำนองจึงมีผล ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share