แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะจำนวนเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ส่วนความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลอุทธรณ์ภาค 5 มิได้พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ย่อมถือว่าศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกินห้าปี เช่นเดียวกัน จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ลงโทษสถาบเบานั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้นำข้อกฎหมายในมาตราที่พอจะเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มาพิจารณาลดโทษให้แก่จำเลยที่ 1 ด้วยนั้น จำเลยที่ 1 ไม่ได้แสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่ากฎหมายที่พอจะเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 ดังกล่าวคือกฎหมายในเรื่องใด ฉบับใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 และริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่), 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 11 ปี ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 7 ปี 4 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 80 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะจำนวนเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 80 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และยังคงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกินห้าปี ส่วนความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในความผิดฐานดังกล่าวและให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกินห้าปีเช่นเดียวกัน จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 5 จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ขอให้นำข้อกฎหมายในมาตราที่พอจะเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มาพิจารณาลดโทษให้แก่จำเลยที่ 1 ด้วยนั้น จำเลยที่ 1 ไม่ได้แสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่า กฎหมายที่พอจะเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 ดังกล่าวนั้นคือกฎหมายในเรื่องใด ฉบับใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 อีกด้วย ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยที่ 1 นั้น เป็นการมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1