คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำร้องของ โจทก์เป็นกรณีที่โจทก์ยืนยันตามคำร้องเดิมโดยอ้างเหตุว่าโจทก์มิได้มีเจตนาขาดนัดพิจารณา ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนเหตุแห่งการมาศาลล่าช้าของโจทก์ ซึ่งคำร้องเดิมของโจทก์ก็อ้างเหตุว่า โจทก์มิได้จงใจไม่ไปศาลตามนัด ขอให้มีคำสั่งไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีและให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องเดิมของโจทก์ว่า “ศาลไม่เคยมีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยอ้างว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้โจทก์ตรวจสอบคำสั่งศาลให้ดีก่อนค่อยมายื่นคำร้องใหม่ ค่าคำร้องเป็นพับ” โจทก์อุทธรณ์และฎีกาต่อมา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์มาศาลล่าช้าเพราะเหตุสุดวิสัย ขอให้ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งจำหน่ายคดีโจทก์และให้ไต่สวนเหตุแห่งการมาศาลล่าช้าจึงมิใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวว่าไม่ชอบอย่างไร หรือเพราะเหตุใด เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง จึงพิพากษายกฎีกาโจทก์ และยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ถือได้ว่าศาลฎีกาได้วินิจฉัยเกี่ยวกับอุทธรณ์และฎีกาของโจทก์โดยอาศัยเหตุตามที่โจทก์ได้ยื่นคำร้องแล้ว การที่โจทก์มายื่นคำร้องใหม่เป็นประเด็นอย่างเดียวกันกับคำร้องเดิมของโจทก์ ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว จึงต้องห้ามมิให้โจทก์รื้อร้องกันอีกที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์ชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องเรียกค่าซ่อมรถยนต์หมายเลขทะเบียนก-5164 จำนวน 45,278 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ซึ่งโจทก์ได้ชำระไปในฐานผู้รับประกันรถยนต์คันดังกล่าวอ้างว่า จำเลยขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 8 ช-6712 กรุงเทพมหานครโดยประมาทเป็นเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก-5164จันทบุรี เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน 45,278 บาทพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ได้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก-5164 จันทบุรี และความเสียหายเกิดจากผู้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียนดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ วันที่ 2 เมษายน 2536 ถึงวันนัดโจทก์ไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 2 เมษายน 2536 ขอให้พิจารณาใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณา คดีจึงไม่มีการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะเสนอคำฟ้องใหม่ภายในอายุความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 201 ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ต่อมาวันที่ 9 สิงหาคม 2536 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เป็นครั้งที่สอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลไม่เคยมีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยอ้างว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้โจทก์ตรวจสอบคำสั่งศาลให้ดีก่อน ค่อยมายื่นคำร้องใหม่ ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาโจทก์และยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่โจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 9 เมษายน 2539 ต่อศาลชั้นต้นขอให้ไต่สวนเหตุแห่งการมาศาลช้า ซึ่งโจทก์มิได้มีเจตนาขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่ากรณีตามคำร้องของโจทก์ลงวันที่9 เมษายน 2539 ถือว่าถึงที่สุดโดยศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้วหรือไม่เห็นว่า ตามคำร้องของโจทก์ลงวันที่ 9 เมษายน 2539 เป็นกรณีที่โจทก์ยืนยันตามคำร้องเดิมฉบับลงวันที่ 9 สิงหาคม 2536 โดยอ้างเหตุว่าโจทก์มิได้มีเจตนาขาดนัดพิจารณา ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนเหตุแห่งการมาศาลล่าช้าของโจทก์ ซึ่งคำร้องลงวันที่9 สิงหาคม 2536 ของโจทก์ก็อ้างเหตุว่า โจทก์มิได้จงใจไม่ไปศาลตามนัด ขอให้มีคำสั่งไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีและให้ดำเนินการพิจารณาคดีโจทก์ต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ 9 สิงหาคม 2536 ว่า “ศาลไม่เคยมีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยอ้างว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้โจทก์ตรวจสอบคำสั่งศาลให้ก่อนค่อยมายื่นคำร้องใหม่ค่าคำร้องเป็นพับ” โจทก์อุทธรณ์และฎีกาต่อมา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์มาศาลล่าช้าเพราะเหตุสุดวิสัย ขอให้ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งจำหน่ายคดีโจทก์และให้ไต่สวนเหตุแห่งการมาศาลล่าช้า จึงมิใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวว่าไม่ชอบอย่างไร หรือเพราะเหตุใด เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง จึงพิพากษายกฎีกาโจทก์ และยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ปรากฏตามคำพิพากษาฎีกาที่ 6371/2538 ถือได้ว่าศาลฎีกาได้วินิจฉัยเกี่ยวกับอุทธรณ์และฎีกาของโจทก์โดยอาศัยเหตุตามที่โจทก์ได้ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 9 สิงหาคม 2536 แล้ว การที่โจทก์มายื่นคำร้องฉบับลงวันที่9 เมษายน 2539 ซึ่งเป็นประเด็นอย่างเดียวกันกับคำร้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ 9 สิงหาคม 2536 ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว จึงต้องห้ามมิให้โจทก์รื้อร้องกันอีกที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share