คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์กล่าวว่า ‘การที่จำเลยได้เช่าห้องของข้าพเจ้าไปนี้จำเลยหาได้ทำการค้าด้วยตนเองไม่ ความจริงจำเลยได้ให้ผู้มีชื่อเช่าช่วงไปทำการค้า โดยมิได้รับความยินยอมจากข้าพเจ้า ทั้งเป็นการผิดสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้กับข้าพเจ้าอีกด้วย’ ดังนี้ ฟ้องโจทก์ชัดอยู่แล้วว่า จำเลยเอาห้องที่เช่าจากโจทก์ทั้งหมดไปให้ผู้อื่นเช่าช่วง ซึ่งก็ตรงตามเรื่องที่โจทก์กล่าวหาจึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องเช่าของโจทก์และเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระโดยอ้างว่า จำเลยเอาห้องเช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงจำเลยให้การต่อสู้ และตัดฟ้องว่า ฟ้องของโจทก์ในเรื่องเช่าช่วงนั้นเคลือบคลุม ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เห็นว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ในข้อเช่าช่วงนั้นเคลือบคลุม

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องข้อ 5 ซึ่งมีว่า “การที่จำเลยได้เช่าห้องของข้าพเจ้าไปนี้ จำเลยหาได้ทำการค้าด้วยตนเองไม่ ความจริงจำเลยได้ให้ผู้มีชื่อเช่าช่วงทำการค้า โดยมิได้รับความยินยอมจากข้าพเจ้าทั้งเป็นการผิดสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้กับข้าพเจ้าอีกด้วย” ศาลฎีกาเห็นว่า ความในฟ้องของโจทก์นั้นชัดอยู่แล้วว่าจำเลยเอาห้องที่เช่าจากโจทก์ไปทั้งหมดไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงซึ่งตรงกับเรื่องที่กล่าวหา จึงไม่เป็นการเคลือบคลุม หรือทำให้จำเลยยุ่งยากในการต่อสู้คดีแต่ประการใด

พิพากษายืน

Share