แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลจังหวัดต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองคนจึงเป็นองค์คณะที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 26 การที่ผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนคำร้องศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาคนเดียวมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบโดยฟังข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 24 (2) และมาตรา 26 เนื่องจากการพิพากษาคดีดังกล่าวมีลักษณะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวที่จะออกคำสั่งได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีโดยยกคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ประกอบมาตรา 181 ต้องให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องเสียก่อน
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งเก้าตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 134,160 ทวิ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และริบรถจักรยานยนต์ของกลาง 24 คัน ซึ่งรวมรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กทธ อ่างทอง 974 ของกลางด้วย
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กทธ อ่างทอง 974 ของกลาง เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2547 นายสมศักดิ์เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไปจากผู้ร้อง ต่อมานายสมศักดิ์ให้บุคคลภายนอกยืมรถจักรยานยนต์ของกลางไป ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งเก้า ขอให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งเก้า ขอให้ยกคำร้อง
วันนัดไต่สวนคำร้อง ผู้ร้องไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนคดีศาลชั้นต้นจึงงดไต่สวนคำร้อง แล้วมีคำสั่งว่าผู้ร้องไม่ได้นำพยานหลักฐานเข้าไต่สวนให้รับฟังได้ตามคำร้อง ขอเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งเก้า ยกคำร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสอง โดยอ้างว่าวันนัดไต่สวนคำร้องทนายผู้ร้องประสบอุบัติเหตุและเจ็บป่วยทำให้ไม่สามารถเดินทางไปศาลได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งริบรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กทธ อ่างทอง 974 ของกลาง เมื่อผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์ของกลาง และผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งเก้า แต่โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งเก้า คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งเก้าหรือไม่ คดีนี้ศาลชั้นต้นเป็นศาลจังหวัด การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองคนจึงเป็นองค์คณะที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 26 การที่ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาคนเดียวเป็นองค์คณะมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งเก้าเป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 24 (2) และมาตรา 26 เนื่องจากการพิพากษาคดีดังกล่าวมีลักษณะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวที่จะออกคำสั่งได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีโดยยกคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ประกอบมาตรา 181 ต้องให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องเสียก่อนปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 224”
พิพากษายกคำสั่งให้ยกคำร้องขอคืนของกลาง คำสั่งยกคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ของศาลชั้นต้น และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลชั้นต้นมีคำร้องขอคืนของกลางใหม่โดยให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ