แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่เป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้นเกิดขึ้นเป็นอยู่ตามสภาพของที่ดินและการใช้ร่วมกันของประชาชนโดยไม่จำต้องขึ้นทะเบียนหรือมีเอกสารของทางราชการกำหนดให้เป็นที่สาธารณประโยชน์เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาจากผู้มีชื่อแล้วครอบครองทำประโยชน์ตลอดมา โจทก์ได้ยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวต่อไปสำนักงานที่ดินอำเภอลาดยาวจำเลยในฐานะนายอำเภอลาดยาว ซึ่งมีหน้าที่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ได้มีหนังสือถึงโจทก์ปฏิเสธการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ อ้างว่าที่ดินบางส่วนเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ เป็นที่สาธารณะ ซึ่งความจริงไม่ใช่ที่สาธารณะ ขอให้บังคับจำเลยออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า เดิมเจ้าของที่ดินพิพาทได้ยกที่ดินดังกล่าวบางส่วนให้เป็นที่สาธารณะก่อนที่โจทก์จะได้รับโอนมาหลังจากนั้นประชาชนได้ใช้ที่ดินดังกล่าวร่วมกันเป็นเวลาหลายสิบปีโจทก์จึงไม่มีสิทธิในที่ดินสาธารณะอีก โจทก์นำคดีมาฟ้องเกิน60 วัน นับแต่ได้รับทราบคำสั่งระงับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์จากจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ตามจำนวนเนื้อที่ทั้งหมดที่โจทก์นำรังวัดตรวจสอบไว้ จำนวน 73 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวา
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณะสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ที่โจทก์อ้างว่า ที่ดินพิพาทไม่มีหลักฐานการขึ้นทะเบียนว่าเป็นที่สาธารณะนั้น เห็นว่าที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่เป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้น เกิดขึ้น เป็นอยู่ตามสภาพของที่ดินและการใช้ร่วมกันของประชาชนโดยไม่จำต้องขึ้นทะเบียนหรือมีเอกสารของทางราชการกำหนดให้เป็นที่สาธารณประโยชน์เช่นนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้จำเลยออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์