แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ ของจำเลยตั้งแต่หน้า 15 ถึงหน้า 30 บรรทัดที่ 11 เป็นอุทธรณ์ ในลักษณะข้อกฎหมาย แต่ให้รับฟังข้อเท็จจริงที่ฝ่าฝืนคำพิพากษา ของศาลแรงงานกลาง เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ ข้อกฎหมาย ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 สำหรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าศาลแรงงานฯ ไม่มีอำนาจ พิจารณาหรือมีคำสั่งเพราะเป็นเรื่องจ้างทำของและฟ้อง ของโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม เป็นข้อกฎหมายที่มิได้ว่ากันมาแต่ ในศาลชั้นต้น จึงไม่รับอุทธรณ์ทุกข้อของจำเลย
จำเลยทั้งสองเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนและเป็นสาระสำคัญแห่งคดีสมควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัย โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ ของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ส่งสำเนาคำร้องให้ทนายโจทก์แล้วโดยทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับ (อันดับ 97)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 670,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากเงินต้นจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง(วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2534) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 87)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ แต่มิได้นำเงินที่จะต้องชำระ ตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่ง ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง (อันดับ 93) ต่อมา จำเลยทั้งสองขอวาง หลักประกัน ศาลชั้นต้นมิได้สั่งรับไว้ในฐานะหลักประกัน แต่สั่งให้ รับไว้เพื่อชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาเมื่อคดีถึงที่สุด(อันดับ 96)
คำสั่ง
จำเลยทั้งสองไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกัน มาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วย พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง