แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถา แต่จำเลยทั้งสองไม่ได้สาบานตัวให้คำชี้แจงว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล เป็นเรื่องที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 บัญญัติไว้ ดังนั้น กระบวนพิจารณาที่ศาลได้ดำเนินมาในเรื่องการขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถานับแต่ยื่นคำร้องไม่ว่าจะดำเนินโดยศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ ตลอดจนคำสั่งในเรื่องนี้ย่อมเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบตามไปด้วย ศาลฎีกาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(1) ประกอบด้วยมาตรา 247
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งสองส่งมอบการครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 37477 ตำบลบางนาอำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ พร้อมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เลขที่ 26 หมู่ 3 ถนนสุขุมวิท ซอย 107 แขวงบางนาเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ออกจากที่ดิน ขนย้ายบริวารและทรัพย์สินออกจากที่ดินดังกล่าว พร้อมทั้งทำที่ดินให้มีสภาพดังเดิม กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะดำเนินการดังกล่าวข้างต้นเรียบร้อยแล้ว
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้หลายประการและฟ้องแย้งพร้อมกับยื่นคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถา ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 37477 เป็นของจำเลยทั้งสอง ให้โจทก์ไปจดทะเบียนแก้ไขผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวต่อนายทะเบียนท้องที่ หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์ด้วย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งในส่วนของคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถาว่า พยานหลักฐานที่จำเลยทั้งสองนำสืบมาไม่พอที่จะให้เชื่อว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนยากจนถึงขนาดไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้สาบานตัวให้คำชี้แจงว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล จึงเป็นการยื่นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 ไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นจะรับคำร้องไว้ทำการไต่สวนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องนั้นศาลอุทธรณ์เห็นด้วยในผลจึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ในการที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถา จำเลยทั้งสองจะต้องสาบานตัวให้คำชี้แจงว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลและพนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องจดถ้อยคำสาบานของผู้ขอไว้และส่งสำเนาถ้อยคำของผู้ขอไปให้อีกฝ่ายหนึ่งพร้อมกับสำเนาคำฟ้องแย้งด้วยตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156แต่ตามสำนวนไม่ปรากฏว่าได้มีการปฏิบัติดังกล่าวแต่อย่างใดกรณีจึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองและเจ้าหน้าที่ศาลมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 บัญญัติไว้ ดังนั้นกระบวนพิจารณาที่ศาลได้ดำเนินมาในเรื่องการขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถานับแต่ยื่นคำร้องไม่ว่าจะดำเนินโดยศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ ตลอดจนคำสั่งในเรื่องนี้จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบตามไปด้วย ศาลฎีกาเห็นเป็นการสมควรที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องเสียก่อน ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1) ประกอบด้วยมาตรา 247
พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเสียใหม่ให้ถูกต้องตามนัยที่กล่าวข้างต้นแล้วทำการไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งไปตามรูปคดี