แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้จัดการร้านซึ่งทำการขายเครื่องเพ็ชรและทองได้นำเครื่องเพ็ชรและทองไปจำนำผู้อื่นเอาเงินมาใช้ในร้าน ในระหว่างที่เจ้าของร้านไปต่างประเทศเสียชั่วคราว และได้นำเงินนั้นเข้าบัญชีในร้าน ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าผู้จัดการมิได้ทำนอกเหนืออำนาจอย่างใด อันจะทำให้เจ้าของร้านไม่ต้องรับผิด บุคคลภายนอกผู้รับจำนำย่อมมีสิทธิฟ้องให้เจ้าของร้านชำระหนี้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายเนียมจิว แซ่เบ๊ผู้จัดการร้านค้าของจำเลย และเป็นตัวแทนของจำเลยได้จำนำแหวนเพ็ชรและเพ็ชรร่วงของจำเลยไว้กับโจทก์เป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ยอมเสียดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนำไปยังนายเนียมจิวและจำเลยแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยเสีย โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่านายเนียมจิวเป็นผู้จัดการมีหน้าที่เพียงซื้อขายเครื่องเพ็ชรพลอยรูปพรรณเท่านั้น หามีอำนาจเอาทรัพย์ของจำเลยไปจำนำไม่และระหว่างนั้นจำเลยก็อยู่ต่างประเทศ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่าทางพิจารณาได้ความชัดว่าจำเลยเป็นเจ้าของร้านยี่ห้อย่งลีฮอง ได้ตั้งให้นายเนียมจิวเป็นผู้จัดการร้าน ซึ่งทำการซื้อขายเครื่องเพ็ชรและทอง และปรากฎว่าผู้จัดการได้นำเครื่องเพ็ชรและทองไปจำนำผู้อื่นเอาเงินมาใช้ในร้านเฉพาะรายที่โจทก์ฟ้องนี้ก็ได้ความว่าผู้จัดการจำนำเอาเงินเข้าบัญชีในร้าน คดีไม่มีทางจะให้เห็นผู้จัดการได้ทำนอกเหนืออำนาจอย่างใด อันจะทำให้จำเลยผู้เป็นเจ้าของไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ศาลล่างพิพากษาชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน