คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยตามสัญญากู้ ซึ่งมีมูลหนี้เดิมจากการทำละเมิดของจำเลย อายุความเรียกร้องต้องเป็นไปตามเรื่องกู้ มิใช่เรื่องมูลละเมิด
จำเลยทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์สินของโจทก์โดยประมาทเลินเล่อและยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์โดยทำสัญญากู้ให้ไว้และโจทก์ยอมให้ลงวันที่ในสัญญากู้ย้อนหลังไปไม่ถือว่าสัญญากู้นั้นมีวัตถุประสงค์โดยตรงอันจะมีผลให้จำเลยหลุดพ้นจากการต้องหาคดีอาญาฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทและไม่ใช่เป็นการทำสัญญากู้เพื่อให้โจทก์ช่วยเหลือจำเลยให้พ้นผิดทางอาญาด้วยสัญญากู้จึงไม่เป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเนื่องจากเจตนาอันแท้จริงของคู่กรณีเป็นเรื่องจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยก่อให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทแก่เรือน เรือนครัว ยุ้งข้าว ข้าวเปลือก สิ่งของเครื่องใช้ในบ้านและต้นผลไม้ถือว่าโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดแห่งทรัพย์สินที่เสียหายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจุดไฟเผากอไผ่โดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ไฟไหม้บ้านเรือนและทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย จำเลยยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ แต่ไม่มีเงินชำระทันที จึงแปลงหนี้ทำเป็นสัญญากู้เงินให้โจทก์ยึดไว้เป็นหลักฐาน แต่จำเลยก็ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยและต้นเงิน ขอให้ศาลบังคับจำเลย

จำเลยสู้ว่า ไม่ได้จุดไฟทำให้ไหม้ทรัพย์โจทก์ จำเลยไม่เคยยินยอมใช้ค่าเสียหายโดยทำสัญญากู้ให้โจทก์ โจทก์กับพวกบุกรุกเข้าไปบังคับจำเลยให้พิมพ์ลายนิ้วมือในกระดาษซึ่งจำเลยไม่ทราบว่ากระดาษอะไร และตัอฟ้องว่าเรื่องจำเลยทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทอัยการสั่งไม่ฟ้อง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากจำเลยฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและคดีขาดอายุความ เมื่อหนี้เดิมไม่มีก็ไม่มีทางแปลงหนี้ การลงวันที่ย้อนหลังในสัญญากู้เป็นกลฉ้อฉล ทุจริตพ้นวิสัย สัญญาเป็นโมฆะ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ทำไฟไหม้บ้านโจทก์นั้น พยานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยได้จุดไฟเผาป่าไผ่ในนาจำเลยแล้วไฟลุกลามไปไหม้บ้านโจทก์และบ้านใกล้เคียง จำเลยทราบดีว่าความเสียหายเกิดขึ้นจากความผิดของตนเอง จึงได้ยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์โดยดี

ประเด็นที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้ยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์สัญญากู้ตามฟ้องเป็นโมฆะเพราะถูกข่มขู่ ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์โดยสมัครใจ มิได้มีการบังคับขู่เข็ญแต่ประการใด ที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์ กับพวกใช้อาวุธบังคับขู่เข็ญให้จำเลยทำสัญญา ไม่มีเหตุผลน่าเชื่อ

ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้อง ปราศจากมูลหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมายตกเป็นโมฆะนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ หนี้เดิมเป็นมูลละเมิด จำเลยไม่มีเงินชำระค่าเสียหายจึงทำสัญญากู้ให้ไว้ สัญญากู้จึงสมบูรณ์โจทก์ฟ้องบังคับเอาจากจำเลยได้ และอายุความเรียกร้องก็ต้องเป็นไปตามเรื่องกู้ มิใช่เรื่องละเมิด คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ที่จำเลยอ้างว่า โจทก์ยอมให้ลงวันที่ในสัญญากู้ย้อนหลังไปเป็นการอุปการะช่วยเหลือจำเลยให้พ้นจากการถูกลงโทษทางอาญาสัญญากู้จึงเป็นโมฆะ เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญากู้รายนี้หาได้มีวัตถุประสงค์โดยตรงอันจะมีผลให้จำเลยหลุดพ้นจากการต้องหาคดีอาญาฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทไปแต่ประการใดไม่ และไม่ใช่เป็นการทำสัญญากู้เพื่อให้โจทก์ช่วยเหลือจำเลยให้พ้นผิดทางอาญาด้วย เจตนาอันแท้จริงของคู่กรณี เป็นเรื่องจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กัน การอำพรางวันที่ลงในสัญญากู้ก็โดยจำเลยขอร้อง จึงหาเป็นเหตุให้สัญญากู้เป็นโมฆะไม่

ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดแห่งทรัพย์สินที่เสียหายไปเพราะการทำละเมิดของจำเลยโดยชัดแจ้งแล้วว่า มีเรือน เรือนครัว ยุ้งข้าว ข้าวเปลือกสิ่งของเครื่องใช้ในบ้านและต้นผลไม้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share