คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 27/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 แต่เพียงกระทงเดียวไม่ได้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกกระทงหนึ่งแม้จะไม่ถูกต้อง ก็นับว่าเป็นการลงโทษสถานเบาและเป็นคุณแก่จำเลย
การที่จำเลยพาลูกระเบิดที่มีอำนาจทำลายในรัศมี 10 เมตร เข้าในเขตกรุงเทพซึ่งมีประชาชนหนาแน่น หากเกิดระเบิดขึ้นย่อมเกิดความเสียหายมากกว่าปกติ แม้จำเลยไม่มีเจตนานำลูกระเบิดไปก่อเหตุร้าย แต่เหตุร้ายจากลูกระเบิดอาจเกิดได้ตลอดเวลาโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงควรแก่การปราบปรามการที่จำเลยมีความประพฤติไม่เคยเสียหาย ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนหรือเคยเป็นอาสาสมัครทหารพราน ถือได้ว่ามีคุณความดีมาก่อน และมีภาระต้องเลี้ยงดูบิดามารดา แต่เมื่อเทียบกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่ควรรอการลงโทษ.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารและฐานพาลูกระเบิดไปในเมือง ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 6, 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 371พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 และให้ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 6, 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 371พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนและเป็นอาสาสมัครทหารพราน เคยไปปฏิบัติหน้าที่จับทหารเวียตนามที่ละเมิดอธิปไตยชายแดน จังหวัดตราดถือได้ว่ามีคุณงามความดีมาก่อน ประวัติและความประพฤติไม่มีข้อเสียหาย และไม่ปรากฏว่าจำเลยนำลูกระเบิดของกลางไปเพื่อก่อเหตุร้าย จึงให้รอการลงโทษ 2 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนักและไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษให้จำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ปัญหาว่าควรลงโทษจำเลยในสถานเบาอีกหรือไม่ เห็นว่าความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 78 กำหนดโทษไว้ให้จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่สองปีถึงยี่สิบปีคดีนี้ศาลชั้นต้นคงลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี โดยกำหนดโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แต่เพียงกระทงเดียว ไม่กำหนดโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ด้วย อีกกระทงหนึ่งนั้น แม้จะไม่ถูกต้องก็นับได้ว่าเป็นการลงโทษสถานเบาและเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้ว ส่วนปัญหาว่าควรรอการลงโทษหรือไม่ เห็นว่า ลูกระเบิดของกลางมีอำนาจทำลายได้ในรัศมี 10 เมตร อาจสังหารชีวิตมนุษย์ได้ครั้งละมากๆ และอาจทำให้บุคคลที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย โดยเฉพาะคดีนี้จำเลยพาลูกระเบิดเข้ามาในเขตกรุงเทพมหานคร อันเป็นสถานที่ที่มีประชากรหนาแน่น หากลูกระเบิดดังกล่าวเกิดระเบิดขึ้นย่อมเกิดความเสียหายมากกว่าปกติ แม้จำเลยไม่มีเจตนานำลูกระเบิดไปก่อเหตุร้าย แต่เหตุร้ายจากลูกระเบิดอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงที่ควรแก่การปราบปราม การที่จำเลยมีความประพฤติไม่เคยเสียหาย ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน หรือเคยเป็นอาสาสมัครทหารพราน ถือได้ว่ามีคุณความดีมาก่อนและมีภาระต้องเลี้ยงดูบิดามารดาก็ตาม เมื่อเทียบกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าไม่มีเหตุเพียงพอที่ควรรอการลงโทษ ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดโทษและไม่รอการลงโทษชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share