แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 198 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (เดิม) การที่จำเลยอ้างว่าไม่ทราบว่าถูกฟ้องเป็นคดีนี้เป็นเหตุหนึ่งที่จำเลยจะร้องขอให้พิจารณาใหม่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 207 (เดิม) เท่านั้น หาใช่เหตุที่จำเลยจะขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไปโดยชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าวไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินที่จำเลยให้โจทก์ทดรองเป็นค่าซื้อหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์คืนพร้อมด้วยดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 6,765,796.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี นับแต่วันบอกเลิกสัญญา (29 ธันวาคม 2538) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำนองนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ กำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบ และมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า หมายนัดพร้อมส่งให้จำเลยโดยชอบแล้ว เมื่อจำเลยไม่ไปศาลถือว่าทราบนัดคราวถัดไปแล้ว ไม่มีการพิจารณาผิดระเบียบ ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาโดยให้สืบพยานโจทก์ใหม่ การแจ้งวันนัดให้คู่ความทราบให้ส่งหมายนัดไปยังภูมิลำเนาของคู่ความ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลไว้รวมสั่งเมื่อพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การชอบหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า แม้การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยจะเป็นไปโดยชอบ แต่การปิดหมายเรียกที่บ้านของจำเลยในขณะที่จำเลยไปทำงานนอกบ้าน และไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยทราบมาก่อนว่าถูกฟ้องเป็นคดีนี้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การนั้น เห็นว่า โจทก์ได้นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้แก่จำเลยโดยวิธีปิด ณ บ้านที่จำเลยอยู่อาศัยและมีชื่อจำเลยอยู่ในทะเบียนราษฎรและจำเลยรับว่ามีภูมิลำเนาตามฟ้อง เพียงแต่ออกไปทำงานนอกบ้านในเวลากลางวันและยอมรับว่ามีการส่งหมายเรียกและสำเนาให้จำเลยโดยชอบ เพียงแต่จำเลยอ้างว่าไม่ทราบว่าถูกฟ้องเท่านั้น แสดงว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยได้ดำเนินการโดยชอบแล้ว และจำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ให้ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การตาม ป.วิ.พ. มาตรา 197 วรรคหนึ่ง และโจทก์ได้มีคำขอต่อศาลภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยไม่ทราบถึงการถูกฟ้องเป็นคดีนี้ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 198 วรรคหนึ่งและวรรคสามแล้ว ส่วนที่จำเลยอ้างว่าไม่ทราบการถูกฟ้องเป็นคดีนี้ เป็นเหตุหนึ่งที่จำเลยจะร้องขอให้พิจารณาใหม่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 207 เท่านั้น หาใช่เหตุที่จำเลยจะขอให้เพิกถอนการพิจารณา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไปโดยชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าวไม่ ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างมาในฎีกาของจำเลยข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,500 บาท แทนโจทก์.