แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
++ เรื่อง ประกันภัย ละเมิด รับช่วงสิทธิ ++
++ จำเลยที่ 2 และบริษัท ธ. เป็นบริษัทในเครือเดียวกัน มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการค้าหาประโยชน์จากการใช้สถานที่ศูนย์การค้าแอร์พอร์ต พลาซ่า ร่วมกัน การที่บริษัท ธ. ทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ 1 ให้ส่งพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 มาดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศูนย์การค้าดังกล่าว จึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ในการใช้พื้นที่ศูนย์การค้าของบริษัท ธ. และจำเลยที่ 2 ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ยังทำหน้าที่ส่งพนักงานรักษาความปลอดภัยไปดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศูนย์การค้าแอร์พอร์ตพลาซ่าที่เกิดเหตุ พฤติการณ์ของบริษัท ธ. กับจำเลยที่ 2 ที่ประกอบกิจการค้าร่วมกัน โดยมีชื่อจำเลยที่ 2 และชื่อศูนย์การค้าดังกล่าวติดอยู่ในอาคารเดียวกัน และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 คอยดูแลรักษาความปลอดภัยในศูนย์การค้านั้น ย่อมเป็นที่แสดงให้ผู้ใช้บริการเข้าใจว่าจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของหรือได้ร่วมกับเจ้าของศูนย์การค้าดังกล่าวมอบหมายให้จำเลยที่ 1 รวมทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าผู้มาใช้บริการแทนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการด้วย การที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 ไม่ระมัดระวังตรวจบัตรจอดรถโดยเคร่งครัด อันเป็นการงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ เป็นผลโดยตรงทำให้รถยนต์ของนาย ส. ถูกลักไป และเป็นการประมาทเลินเล่อ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อนาย ส. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420 การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ดังนั้น จำเลยที่ 1 ในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นลูกจ้างของตนในผลแห่งละเมิดต่อนาย ส. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 425 ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการมอบหมายให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนดูแลรักษาความเรียบร้อยและปลอดภัยในบริเวณลานจอดรถของศูนย์การค้าดังกล่าว จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งตัวแทนของจำเลยที่ 2 ได้กระทำไปในทางการที่มอบหมายให้ทำแทนนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 427 ประกอบด้วยมาตรา 420 จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน๘ อ – ๙๔๒๘ กรุงเทพมหานคร จากนายสวาท บุญคำ จำเลยที่ ๒ มีชื่อทางการค้าว่า ห้างสรรพสินค้าแอร์พอร์ต พลาซ่า จำเลยที่ ๒ เป็นนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ จ้างวานใช้ให้จำเลยที่ ๑ จัดการรักษาความปลอดภัยดูแลรถยนต์ของผู้อื่นที่จอดในลานจอดรถของจำเลยที่ ๒ เป็นการแสดงออกโดยเปิดเผยแก่บุคคลทั่วไปว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันดำเนินการและจัดการรักษาความปลอดภัยดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๓๖ เวลา ๒๐.๕๕ นาฬิกา นายสวาทขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยดังกล่าวเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของจำเลยที่ ๒ ซึ่งต้องปฏิบัติตามระเบียบโดยรับบัตรผ่านจากพนักงานรักษาความปลอดภัยก่อนและเมื่อจะนำรถยนต์ออกจากลานจอดรถจะต้องคืนบัตรผ่านนั้นแก่พนักงานรักษาความปลอดภัย นายสวาทได้รับบัตรผ่านจากพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ลานจอดรถนั้นซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ แล้วนำรถยนต์ไปจอดที่ลานจอดรถ จากนั้นนายสวาทเข้าไปในศูนย์การค้าดังกล่าว เมื่อกลับออกมาเวลา ๒๑.๒๐ นาฬิกา รถยนต์ที่เอาประกันภัยถูกโจรกรรมไป เพราะพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ อยู่ที่ลานจอดรถของจำเลยที่ ๒ นั้นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทปล่อยให้ผู้นำรถยนต์ที่เอาประกันภัยออกไปโดยไม่ได้คืนบัตรผ่านที่พนักงานรักษาความปลอดภัยลานจอดรถมอบให้นายสวาทไว้ตอนนำรถยนต์เข้าลานจอดรถตามระเบียบดังกล่าว โจทก์จ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยไป ๕๓๐,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๓๖ โจทก์จึงรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาจากจำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ชำระเงินดังกล่าวถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๒๗,๔๙๓ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันคืนรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน ๘ อ – ๙๔๒๘ กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๕๕๗,๔๙๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของต้นเงิน ๕๓๐,๐๐๐ บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า คันหมายเลขทะเบียน ๘ อ – ๙๔๒๘ กรุงเทพมหานครไว้จากนายสวาท บุญคำ จำเลยที่ ๒ ประกอบกิจการห้างสรรพสินค้าในอาคารศูนย์การค้าแอร์พอร์ตพลาซ่าเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๓๖ เวลา ๒๐.๕๕ นาฬิกา นายสวาท บุญคำนำรถยนต์คันดังกล่าวเข้าไปจอดที่ลานจอดรถศูนย์การค้าแอร์พอร์ต พลาซ่า โดยก่อนเข้าไปได้รับบัตรผ่านจากพนักงานรักษาความปลอดภัย เมื่อนายสวาทซื้อของในศูนย์การค้าเสร็จกลับออกมาเวลา ๒๑.๑๐ นาฬิกาปรากฏว่า รถยนต์คันที่นำไปจอดสูญหายไปโจทก์ต้องจ่ายเงินตามสัญญาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ จำนวน ๕๓๐,๐๐๐ บาท
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ในความสูญหายของรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้หรือไม่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ ประกอบกิจการห้างสรรพสินค้าตันตราภัณฑ์ อันเป็นชื่อของบริษัทจำเลยที่ ๒ในอาคารศูนย์การค้าแอร์พอร์ต พลาซ่า โดยจำเลยที่ ๒ เช่าพื้นที่อาคารศูนย์การค้าดังกล่าวจากบริษัทธรัตกร จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของศูนย์การค้าดังกล่าว ตามสัญญาเช่าสถานที่เอกสารหมาย ล.๘ และบริษัทธรัตกร จำกัด เป็นผู้ทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ ๑ให้ส่งพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศูนย์การค้าดังกล่าว แต่ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดเชียงใหม่เอกสารหมาย ล.๔ และ ล.๙ ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดที่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนบริษัทธรัตกร จำกัดจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๓๒ ที่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดเชียงใหม่ และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่เช่นเดียวกัน กรรมการ ๖ คน ของบริษัทธรัตกร จำกัด ก็เป็นกรรมการในบริษัทจำเลยที่ ๒ และเป็นกรรมการซึ่งมีอำนาจลงชื่อร่วมกัน ๒ คน และประทับตรากระทำการแทนบริษัทได้ ส่อแสดงว่าบริษัททั้งสองเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ทั้งพื้นที่อาคารศูนย์การค้าแอร์พอร์ต พลาซ่า บริเวณที่จำเลยที่ ๒ เช่าจากบริษัทธรัตกร จำกัด ตามแผนผังแสดงบริเวณสถานที่เช่าตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย ล.๘ ก็ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ เช่าพื้นที่อาคารถึง ๕ ชั้น พื้นที่เช่าแต่ละชั้นก็เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอาคารแต่ละชั้น ลักษณะอาคารบริเวณพื้นที่เช่าทั้งห้าชั้นออกแบบไว้เป็นตำแหน่งพื้นที่สำหรับห้างสรรพสินค้าตันตราภัณฑ์สาขาแอร์พอร์ต มีบันไดขึ้นลงเพื่อใช้ประโยชน์ของพื้นที่ส่วนนี้โดยเฉพาะต่างหากจากพื้นที่ส่วนอื่น บริเวณชั้นที่ ๑ ก็มีบันไดและทางเข้าห้างสรรพสินค้าของจำเลยที่ ๒ โดยเฉพาะเช่นกัน แสดงให้เห็นว่า อาคารดังกล่าวได้ออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ประกอบกิจการห้างสรรพสินค้าของจำเลยที่ ๒ เป็นส่วนสำคัญมาแต่แรก ส่วนพื้นที่ของอาคารที่เหลือซึ่งเป็นส่วนน้อยนั้นเป็นเพียงส่วนย่อยที่สามารถจัดหาประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกบางส่วน โดยการให้บุคคลอื่นเช่าเท่านั้นและการประกอบกิจการห้างสรรพสินค้าของจำเลยที่ ๒ ในศูนย์การค้าดังกล่าวย่อมมีความสำคัญในอันที่จะทำให้ศูนย์การค้านั้นเป็นทำเลการค้าที่ดีที่เป็นประโยชน์ในการจัดการให้เช่าพื้นที่อาคารส่วนที่เหลือได้ดีด้วย จึงเชื่อได้ว่าจำเลยที่ ๒ และบริษัทธรัตกร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกันดังกล่าวแล้วมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการค้าหาประโยชน์จากการใช้สถานที่ศูนย์การค้าแอร์พอร์ต พลาซ่าร่วมกัน การที่บริษัทธรัตกร จำกัดได้ทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ ๑ ให้ส่งพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ ๑ มาดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศูนย์การค้าดังกล่าวจึงเป็นกระทำเพื่อประโยชน์ในการใช้พื้นที่ศูนย์การค้าของบริษัทธรัตกร จำกัดและจำเลยที่ ๒ ร่วมกันดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทั้งตามคำเบิกความของนางสุอารีย์พัฒนเนติธรรม หุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ ๑ ก็ได้ความว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ยังทำหน้าที่ส่งพนักงานรักษาความปลอดภัยไปดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศูนย์การค้าแอร์พอร์ตพลาซ่า ที่เกิดเหตุพฤติการณ์ของบริษัทธรัตกร จำกัดและจำเลยที่ ๒ ที่ประกอบกิจการค้าเพื่อหาประโยชน์ร่วมกันในศูนย์การค้าแอร์พอร์ต พลาซ่า โดยมีชื่อจำเลยที่ ๒ และชื่อศูนย์การค้าดังกล่าวติดอยู่ในอาคารเดียวกันที่ด้านนอกอาคารให้เห็นได้ชัดเจนตามภาพถ่ายหมาย ล.๕ และจัดการให้มีพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ ๑ คอยดูแลรักษาความปลอดภัยในศูนย์การค้าดังกล่าวก็ย่อมเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้ผู้ไปใช้บริการที่ศูนย์การค้านั้นเข้าใจว่าจำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าของหรือได้ร่วมกับเจ้าของศูนย์การค้าดังกล่าวมอบหมายให้จำเลยที่ ๑ รวมทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ ๑เป็นตัวแทนดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าผู้มาใช้บริการแทนจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นตัวการด้วย และโดยเฉพาะการให้บริการที่จอดรถยนต์ของศูนย์การค้าดังกล่าวข้อเท็จจริง ปรากฏว่า มีข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่จะนำรถยนต์เข้าไปจอดในบริเวณลานจอดรถของศูนย์การค้าดังกล่าวจะต้องรับบัตรผ่านจากพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ เสียก่อน และเมื่อจะนำรถยนต์ออกจากบริเวณลานจอดรถก็จะต้องนำบัตรผ่านมอบคืนให้แก่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ทางออก จึงจะนำรถยนต์ออกจากบริเวณลานจอดรถได้ หากไม่มีบัตรผ่านพนักงานรักษาความปลอดภัยจะไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ออก จะต้องนำหลักฐานความเป็นเจ้าของรถยนต์และบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดงจึงจะนำรถยนต์ออกไปได้ รายละเอียดปรากฏตามข้อความด้านหลังบัตรผ่าน และบัตรผ่านเข้าออกเอกสารหมาย ล.๓ และ ล.๑๐ แม้จะปรากฏว่าผู้มาใช้บริการที่จอดรถจะเป็นผู้เลือกที่จอดรถยนต์เอง ดูแลปิดประตูรถยนต์และเก็บกุญแจรถยนต์ไว้เอง อีกทั้งที่ด้านหลังบัตรผ่านจะมีข้อความว่าจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญหายหรือเสียหายใด ๆ ของรถยนต์ที่เกิดขึ้นไม่ว่า กรณีใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ต้องเสียค่าบริการก็ตาม แต่พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองดังกล่าวมาก็ย่อมทำให้ผู้ใช้บริการจอดรถโดยทั่วไปเข้าใจได้ว่าบริเวณลานจอดรถดังกล่าวนั้นจำเลยทั้งสองและเจ้าของศูนย์การค้าจัดให้มีบริการรักษาความเรียบร้อยความปลอดภัยสำหรับรถยนต์ที่จะนำเข้ามาจอดขณะเข้าไปซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าของจำเลยที่ ๒ โดยมอบหมายให้จำเลยที่ ๑ และพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนรับดูแลความเรียบร้อยความปลอดภัยทั้งขณะที่จะนำรถยนต์เข้าจอดในอาคารและขณะที่จะนำรถยนต์ออกจากอาคาร ซึ่งผู้ที่มิใช่เจ้าของรถยนต์และถือบัตรผ่านจะลักลอบนำรถยนต์ออกไปไม่ได้เลย เพราะจะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยตรวจสอบก่อน การกระทำที่ปฏิบัติก่อน ๆ มาดังกล่าวของจำเลยทั้งสองย่อมเป็นการก่อให้เกิดหน้าที่แก่จำเลยทั้งสองต้องดูแลรักษาความเรียบร้อยและปลอดภัยแก่รถยนต์ที่นำเข้ามาจอด โดยพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ได้รับมอบหมายมีหน้าที่โดยตรงที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์นำรถยนต์ออกไปจากบริเวณที่จอด หรือป้องกันการโจรกรรมด้วยการตรวจบัตรตรงช่องทางออก ซึ่งหากมีการตรวจบัตรตรงช่องทางที่รถยนต์ออกโดยเคร่งครัดก็ยากที่รถยนต์ของนายสวาทจะถูกลักไปได้ การที่รถยนต์ของนายสวาทสูญหายไปนี้เชื่อว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ ๑ ไม่ระมัดระวังตรวจบัตรจอดรถโดยเคร่งครัด อันเป็นการงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ เป็นผลโดยตรงทำให้รถยนต์ของนายสวาทถูกลักไป และเป็นการประมาทเลินเล่อ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อนายสวาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐ การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ ดังนั้น จำเลยที่ ๑ ในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นลูกจ้างของตนในผลแห่งละเมิดต่อนายสวาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๒๕ ส่วนจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นตัวการมอบหมายให้จำเลยที่ ๑ และพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนดูแลรักษาความเรียบร้อยและปลอดภัยในบริเวณลานจอดรถของศูนย์การค้าดังกล่าวจึงต้องร่วมกันรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งตัวแทนของจำเลยที่ ๒ ได้กระทำไปในทางการที่มอบหมายให้ทำแทนนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๗ ประกอบด้วยมาตรา ๔๒๐ โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยตามสัญญาประกันภัยได้ชำระค่าเสียหายในการที่รถยนต์สูญหายครั้งนี้เป็นจำนวนเงิน๕๓๐,๐๐๐ บาท ตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.๑ จึงรับช่วงสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยทั้งสองได้ จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดตามจำนวนเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยต่อโจทก์ตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันนำรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๘ อ – ๙๔๒๘ กรุงเทพมหานคร คืนแก่โจทก์ หากไม่สามารถนำรถยนต์คันดังกล่าวคืนโจทก์ก็ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน๕๕๗,๔๙๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๕๓๐,๐๐๐ บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ.