คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8825/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเพียงผู้รับจ้าง ส. ขนกัญชาไปมอบให้แก่ผู้ที่ล่อซื้อเท่านั้น จำเลยมิได้มีเจตนายึดถือกัญชาไว้เพื่อตน การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่การที่จำเลยส่งมอบกัญชาให้แก่ผู้ที่ ล่อซื้อเป็นความผิดฐานจำหน่ายกัญชาแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๒๖, ๗๕, ๗๖, ๑๐๒ ริบของกลาง คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง, ๗๕ วรรคหนึ่ง, ๑๐๒ จำคุก ๔ ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๒ ปี ๘ เดือน ริบกัญชาของกลาง คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง, ๗๖ วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุก ๒ ปี และปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด ๒ ปี ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ๓ เดือนต่อครั้ง มีกำหนด ๑ ปี ให้จำเลยทำกิจกรรมบริการสังคมหรือ สาธารณประโยชน์ตามที่จำเลยและพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา ๑๒ ชั่วโมง ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับ ยาเสพติดให้โทษทุกประเภทตลอดระยะเวลาที่รอการลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ยกฟ้องข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและข้อหาจำหน่ายกัญชา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จำเลยเบิกความว่านายสำราญชาวลาวว่าจ้างจำเลยให้นำถุงกัญชาจากในป่ามาส่งมอบให้เพื่อนนายสำราญได้ค่าจ้าง ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นค่าจ้างที่ค่อนข้างแพงสำหรับชาวชนบทโดยทั่วไป โดยจำเลยไม่ทราบว่าในถุงดังกล่าวเป็นอะไร จำเลยไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับนายสำราญชาวลาวมาก่อน จำเลยก็ไม่ได้สอบถามว่าสิ่งของที่ขนนั้นเป็นของต้องห้ามหรือไม่ และก็ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าเหตุใดจะต้องไปขนออกมาจากป่าและส่งมอบในบริเวณถนนเปลี่ยว ไม่มีบ้านเรือน ย่อมเป็นการผิดปกติวิสัยเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อกัญชาของกลางมิใช่ของจำเลย จำเลยเป็นเพียงผู้รับจ้างขนนำมาส่งมอบให้แก่ ผู้ล่อซื้อตามคำสั่งของนายสำราญชาวลาวเท่านั้น และจำเลยมิได้ยึดถือกัญชาไว้โดยเจตนายึดเพื่อตน จำเลยจึงไม่มี ความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดฐานจำหน่ายกัญชาตามความหมายแห่งคำนิยามศัพท์คำว่า “จำหน่าย” ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษายกฟ้องจำเลยในข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้นชอบแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดข้อหาจำหน่ายกัญชาพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง, ๗๕ วรรคหนึ่ง จำคุก ๔ ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๒ ปี ๘ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๖

Share