แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ยอมให้ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ใน น.ส. 3 แทนตน เป็นเรื่องที่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อยอมให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นตัวแทนทำการออกหน้าเป็นตัวการว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าว โจทก์จึงหาอาจทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อจำเลยที่ 1 ผู้เป็นตัวแทนและขวนขวายได้สิทธิมาก่อนที่จะรู้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของโจทก์ได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้มอบให้จำเลยที่ ๑ ซื้อที่ดินตามน.ส.๓ เลขที่ ๑๑๖ หมู่ที่ ๙ ตำบลห้วยใต้ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เนื้อที่ ๒๐ ไร่ ๔๘ ตารางวา แทนโจทก์แต่จำเลยที่ ๑ ได้ขอจดทะเบียนโดยแจ้งชื่อจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของโจทก์และจำเลยที่ ๑จึงตกลงกันว่าจะไปทำการจดทะเบียนให้ถูกต้องตามความเป็นจริงภายหลังต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า น.ส.๓ดังกล่าวหายไป เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อจึงออกใบแทน น.ส.๓ ให้ แล้วจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้สมคบกันจดทะเบียนขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้จำเลยที่ ๒ โดยไม่ได้ชำระราคากันจริงอันเป็นการฉ้อฉลโจทก์โดยจำเลยที่ ๒ ทราบดีอยู่แล้วว่าจำเลยที่ ๑ ถือครองที่ดินแทนโจทก์ขอให้เพิกถอนใบแทน น.ส.๓ และเพิกถอนการจดทะเบียนขายที่ดินตาม น.ส.๓ ดังกล่าวให้จำเลยที่ ๑ จดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์ยอมให้จำเลยที่ ๑ แสดงตนเป็นเจ้าของที่ดินแทนย่อมเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ ๒ เป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่ดินโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย จำเลยที่ ๒ รับโอนที่ดินพิพาทไว้โดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต การที่โจทก์ยอมให้ใส่ชื่อจำเลยที่ ๑ ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.๓) แทนตน ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อยอมให้จำเลยที่ ๑ ผู้เป็นตัวแทนทำการออกหน้าเป็นตัวการว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าว โจทก์จึงหาอาจทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อจำเลยที่ ๑ผู้เป็นตัวแทน และขวนขวายได้สิทธิมาก่อนที่จะรู้ว่าจำเลยที่ ๑เป็นตัวแทนของโจทก์ได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๐๖
พิพากษายืน.