แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ตามที่ศาลออกคำบังคับนั้นถือได้ว่าเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323ผู้มีสิทธิจะต้องเรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่นำเงินมาวางศาลซึ่งเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินนั้นได้ มิใช่นับจากวันที่ผู้มีสิทธิได้ทราบถึงการวางเงิน เมื่อโจทก์ผู้มีสิทธิมิได้เรียกเอาภายใน 5 ปีจึงตกเป็นของแผ่นดิน
ย่อยาว
ชั้นขอเงินวางศาลคืน วันที่ 25 กรกฎาคม 2520จำเลยได้นำเงินทุนทรัพย์ ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมค่าทนายมาวางศาลตามคำบังคับ วันที่ 22 กรกฎาคม 2526โจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอรับเงินดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 นั้นผู้มีสิทธิเรียกร้องจะต้องทราบถึงการวางเงิน และระยะเวลาตามมาตรานี้จะต้องนับตั้งแต่วันที่ทราบถึงการวางเงินนั้น และเงินค้างจ่ายตามมาตรา 323 ดังกล่าวแล้วนั้น ไม่ได้หมายความถึงเงินที่คู่ความเรียกร้องจากคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งหรือเงินที่พิพาทนั้น
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ตามที่ศาลออกคำบังคับนั้น ถือได้ว่าเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 323 และผู้มีสิทธิจะต้องเรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาล ซึ่งเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิจะเรียกเอาเงินนั้นได้ มิใช่นับจากวันที่ผู้มีสิทธิได้ทราบถึงการวางเงินดังที่โจทก์ฎีกา เมื่อโจทก์ผู้มีสิทธิมิได้เรียกเอาภายใน 5 ปี จึงตกเป็นของแผ่นดิน ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน