แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางว่า เมื่อวันที่ 11มิถุนายน 2539 โจทก์สมัครเข้าทำงานกับบริษัทบางกอกโมเดอร์นแกรนิต จำกัดและบริษัทดังกล่าวส่งโจทก์มาทำงานกับจำเลยด้วยความยินยอมของโจทก์และจำเลยโจทก์จึงเป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่นั้นมาและทำงานกับจำเลยถึงวันที่ 7 กันยายน2541 แล้วถูกจำเลยเลิกจ้าง สำหรับอุทธรณ์ของจำเลยศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าให้รับอุทธรณ์เฉพาะประเด็นที่ว่าโจทก์ฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยอย่างร้ายแรงหรือไม่ แต่เมื่อตรวจดูอุทธรณ์ของจำเลยแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์ในประเด็นดังกล่าวเช่นนั้น กลับอุทธรณ์ว่าโจทก์ฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทบางกอกโมเดอร์นแกรนิต จำกัด อย่างร้ายแรงหรือไม่ ดังนี้ เห็นว่าเมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากบริษัทบางกอกโมเดอร์นแกรนิต จำกัด และถูกจำเลยเลิกจ้างไม่ใช่ถูกบริษัทดังกล่าวเลิกจ้าง ความรับผิดของจำเลยที่จะต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางให้แก่โจทก์ยังคงมีอยู่เช่นเดิมต่อไป อุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา225 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522 มาตรา 31 เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลแรงงานกลางสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย.(หัสดี ไกรทองสุก – สละ เทศรำพรรณ – จรัส พวงมณี)พัชรินทร์ พิมพ์/ทาน