คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำนวนเงินตามเช็คที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดจะเป็นดอกเบี้ยที่โจทก์คิดในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงินตามเช็คที่จำเลยค้างชำระโจทก์แต่เงินจำนวนนี้ก็เป็นดอกเบี้ยที่คิดจากมูลหนี้เดิมที่เกิดจากการซื้อขายและค่าจ้างทำของที่ให้โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวได้ตามสัญญา มิใช่มูลหนี้เดิมมาจากการกู้ยืมเงินจึงไม่มีบทกฎหมายใดห้ามมิให้โจทก์เรียกหรือคิดดอกเบี้ยเกินกว่าในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกเงินจำนวนดังกล่าวจากจำเลยได้ตามที่จำเลยตกลงจะชำระให้แก่โจทก์ ดอกเบี้ยดังกล่าวหาตกเป็นโมฆะเพราะโจทก์เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 167,013.77 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 157,189.43 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้บังคับโจทก์คืนเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายจำนวน7 ฉบับ แก่จำเลย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 157,189.43 บาท แก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทางพิจารณาคู่ความแถลงร่วมกันว่า จำเลยได้ชำระเงินตามเช็คจำนวน 1,532,240 บาท ส่วนจำนวนเงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้เกิดขึ้นจากดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของจำนวนเงินค่าสินค้าตามเช็ค ตกลงสละประเด็นข้อพิพาทที่ศาลกำหนดไว้ทั้งหมด ขอให้วินิจฉัยประเด็นเดียวกันว่า โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี จากต้นเงินตามเช็คดังกล่าวได้หรือไม่ โดยจำเลยยอมรับว่า เคยตกลงจะชำระดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวแก่โจทก์ดังนั้น ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยสั่งซื้อและว่าจ้างให้โจทก์ทำการติดตั้งหลังคา ผนัง และบานเกล็ดเหล็กอะลูมิเนียมพร้อมอุปกรณ์ รวมเป็นเงินค่าสินค้าและค่าจ้าง 3,830,600 บาท จำเลยได้ชำระให้โจทก์แล้วบางส่วนส่วนที่ค้างชำระอีก 1,532,240 บาท จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ แต่เช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้จำเลยจึงสั่งจ่ายเช็คให้โจทก์ใหม่จำนวน 5 ฉบับ รวมเป็นเงิน 1,689,429.43 บาทเพื่อชำระหนี้ตามเช็คเดิมที่ไม่สามารถเรียกเก็บได้จำนวน 1,532,240 บาทและยังชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์อีกจำนวน 157,189.43 บาท ต่อมาจำเลยได้ชำระเงินจำนวน 1,532,240 บาท ตามเช็คที่ค้างชำระให้แก่โจทก์แล้ว เงินตามเช็คจำนวน157,189.43 บาท ที่โจทก์ฟ้องนี้จึงเป็นดอกเบี้ยที่โจทก์เรียกจากจำเลยในอัตราร้อยละ18 ต่อปี จากต้นเงินตามเช็คจำนวน 1,532,280 บาท ซึ่งจำเลยตกลงจะชำระให้แก่โจทก์

คดีมีปัญหาข้อกฎหมายวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี หรือไม่ ในปัญหานี้จำเลยอุทธรณ์ว่าดอกเบี้ยดังกล่าวตกเป็นโมฆะ เพราะโจทก์เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้เห็นว่า แม้เงินจำนวน 157,189.43 บาท ที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดนี้จะเป็นดอกเบี้ยที่โจทก์คิดในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงินตามเช็คที่จำเลยค้างชำระโจทก์แต่เงินจำนวนนี้ก็เป็นดอกเบี้ยที่คิดจากมูลหนี้เดิมที่เกิดจากการซื้อขายและค่าจ้างทำของ ซึ่งตามสัญญาข้อ 7 ให้โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวได้มิใช่มูลหนี้เดิมมาจากการกู้ยืมเงิน จึงไม่มีบทกฎหมายใดห้ามมิให้โจทก์เรียกหรือคิดดอกเบี้ยเกินกว่าในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี โจทก์จึงมีสิทธิที่จะเรียกจากจำเลยได้ตามที่จำเลยตกลงจะชำระให้แก่โจทก์

พิพากษายืน

Share