คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8804/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง หากโจทก์เห็นว่าคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ชอบจะอุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 วรรคหนึ่งเมื่อโจทก์มิได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจนพ้นกำหนด 1 เดือน ย่อมต้องถือว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้นั้นเป็นอันยุติแล้ว โจทก์อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาดังกล่าวต่อไปไม่ได้ ที่โจทก์ยื่นคำร้องครั้งหลังอ้างว่ามีเหตุสงสัยในคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีถึงที่สุดและคำสั่งชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งโจทก์ก็ยื่นอุทธรณ์คำสั่งนั้นเห็นได้ว่าไม่ใช่เหตุตามกฎหมายแต่เป็นการพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์เพื่อให้กลับไปสู่การวินิจฉัยเรื่องถอนฟ้องซึ่งยุติไปแล้ว เท่ากับเป็นการหลีกเลี่ยงให้โจทก์สามารถอุทธรณ์ได้แม้จะพ้นกำหนดเวลาอันเป็นการไม่ถูกต้องการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์เป็นการไม่ชอบและถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1ไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฎีกาต่อไปได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้ไม่ชอบเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 86, 90, 91, 142, 157, 161,162, 188, 210, 264, 267, 268, 358 ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาและคำเบิกความพยานโจทก์อ้างว่าศาลชั้นต้นบันทึกคำเบิกความไม่ตรงกับความเป็นจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ พร้อมกับยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนอุทธรณ์และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีแล้ว

โจทก์ยื่นคำร้องว่าคำฟ้องของโจทก์มีข้อหาที่มิใช่ความผิดต่อส่วนตัวรวมอยู่ด้วย การฟ้องคดีของโจทก์ในความผิดดังกล่าวจึงเป็นการยื่นฟ้องแทนพนักงานอัยการ เมื่อโจทก์ถอนฟ้อง ศาลต้องเรียกพนักงานอัยการเข้ามาเป็นโจทก์แทน การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องโดยไม่เรียกพนักงานอัยการเข้ามาเป็นโจทก์ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและยกคดีขึ้นพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องต่อไป

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเข้ามาในระหว่างการพิจารณาชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ในขณะที่ศาลชั้นต้นยังมิได้ประทับฟ้องไว้พิจารณาหรือมีคำพิพากษาอย่างใด จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่จะมีคำสั่งอนุญาตหรือมิอนุญาตให้ถอนก็ได้ แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรประการใด ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 35 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง หากโจทก์เห็นว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ชอบที่จะอุทธรณ์ภายในกำหนด1 เดือน นับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 วรรคหนึ่ง ปรากฏว่าหลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ในวันที่ 7 เมษายน2542 และได้อ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังในวันดังกล่าวแล้ว จนกระทั่งครบกำหนด1 เดือน โจทก์มิได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งนั้นแต่ประการใด จนต่อมาวันที่ 30มิถุนายน 2542 เป็นเวลาประมาณ 2 เดือน หลังจากวันที่ถือว่าได้อ่านคำสั่งให้โจทก์ฟัง โจทก์จึงได้ยื่นคำร้องเข้ามา อ้างว่ามีเหตุสงสัยในคำสั่งของศาลชั้นต้นว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมิได้เรียกพนักงานอัยการเข้ามาเป็นโจทก์แทนในข้อหาที่เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ขอให้เพิกถอนคำสั่ง และเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องดังกล่าวว่าคดีถึงที่สุดและคำสั่งชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่ง ยกคำร้อง โจทก์จึงได้ยื่นอุทธรณ์และฎีกาต่อมา อ้างว่าศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีนี้ได้ เห็นว่า เมื่อโจทก์มิได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจนพ้นกำหนด 1 เดือน ย่อมต้องถือว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้นั้นเป็นอันยุติแล้ว โจทก์อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาดังกล่าวต่อไปไม่ได้ ที่โจทก์ยื่นคำร้องครั้งหลังอ้างว่ามีเหตุสงสัยในคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีถึงที่สุดและคำสั่งชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่ง โจทก์ก็ยื่นอุทธรณ์คำสั่งนั้น เห็นได้ว่าไม่ใช่เหตุตามกฎหมายแต่เป็นการพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์เพื่อให้กลับไปสู่การวินิจฉัยเรื่องถอนฟ้องซึ่งยุติไปแล้ว เท่ากับเป็นการหลีกเลี่ยงให้โจทก์สามารถอุทธรณ์ได้แม้จะพ้นกำหนดเวลาอันเป็นการไม่ถูกต้อง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1รับวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์เป็นการไม่ชอบและถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฎีกาต่อไปได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้ ไม่ชอบเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”

พิพากษายกฎีกาของโจทก์

Share