แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะหุ้นส่วนฝ่ายหนึ่งผิดสัญญากันการฟ้องขอเลิกหุ้นส่วน เพื่อให้มีการชำระบัญชีนั้นเป็นคนละเรื่องกัน และไม่มีกฎหมายบทใดบังคับว่าเมื่อยังมิได้เลิกหุ้นส่วนกันแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนฝ่ายหนึ่ง จะฟ้องร้องอีกฝ่ายหนึ่งหาว่าผิดสัญญาไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอแบ่งเงินค่าช่วยเหลือการก่อสร้างจากจำเลยครึ่งหนึ่งตามสัญญาดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพิ่มทุนและใครลงทุนไปเท่าใด เมื่อจำเลยรับเงินแล้วก็ต้องแบ่งให้โจทก์ตามสัญญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้เป็นหุ้นส่วนเช่าที่ดินของผู้อื่นเพื่อปลูกสร้างตึกแถวให้เช่า โดยกำหนดข้อตกลงไว้ต่อกันปรากฏตามหนังสือสัญญาท้ายฟ้อง บัดนี้จำเลยประพฤติผิดสัญญาดังกล่าวคือ เป็นผู้เก็บเงินค่าช่วยเหลือในการก่อสร้างเสียแต่ผู้เดียว ยอมให้ผู้มีชื่อเข้าอยู่ในตึกแถวห้องเลขที่ 75, 85, 87, 356/1 โดยไม่ได้รับความตกลงจากโจทก์และไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าทั้งค่าเช่าก็ไม่ปรากฏ ตึกทั้ง 4 ห้องโจทก์ควรได้รับเป็นส่วนของโจทก์เป็นเงิน45,000 บาท จำเลยมิได้แบ่งให้ส่วนตึกเลขที่ 79 และ 81 นั้น เป็นส่วนของโจทก์ 19,500 บาท แต่จำเลยจ่ายให้เพียง 12,500 บาท โจทก์จึงเสียหายไปทั้งสิ้นรวม 52,000 บาท ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์และมีคำขออย่างอื่น ๆ อีก
จำเลยปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำผิดสัญญา โจทก์ไม่ออกเงินค่าก่อสร้างตามสัญญา ส่วนตึกหมายเลข 79, 81 นั้น เงินช่วยค่าก่อสร้าง 25,000 บาทไม่ใช่ 39,000 บาทโจทก์ได้รับไปแล้วครึ่งหนึ่งคือ 12,500 บาท จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด อนึ่งเวลานี้ตึกที่ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จเมื่อเสร็จแล้วจึงจะได้คิดบัญชีแบ่งผลกำไรกัน โจทก์ฟ้องจำเลยในเวลานี้ยังไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องได้ เกี่ยวกับห้องเช่า ฟังว่าจำเลยได้จัดทำไปโดยพลการ เพื่อประโยชน์ของจำเลยฝ่ายเดียว สำหรับห้อง 4 ห้องนั้นจำเลยเรียกเงินไว้รวม 50,000 บาท โจทก์ควรได้ครึ่งหนึ่งคือ 25,000 บาท ส่วนห้องที่ 79 และ 81 นั้น โจทก์ว่าได้รับเงินไปจากผู้เช่าแล้ว จึงไม่ควรได้รับซ้ำอีก พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 25,000 บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำนวนเงินที่ศาลชั้นต้นบังคับให้จำเลยแบ่งให้โจทก์นั้น บังคับเกินไปหนึ่งหมื่นบาท คงให้จำเลยแบ่งให้เพียงหนึ่งหมื่นห้าพันบาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่าหุ้นส่วนรายนี้ยังไม่เลิกจากกัน โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยนั้น เห็นว่าการฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะหุ้นส่วนฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาเช่นที่โจทก์ ฟ้องคดีนี้กับการฟ้องขอเลิกหุ้นส่วน เพื่อให้มีการชำระบัญชีนั้น เป็นคนละเรื่องกัน และไม่มีกฎหมายบทใดบังคับว่าเมื่อยังมิได้เลิกหุ้นส่วนกันแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนฝ่ายหนึ่งจะฟ้องร้องอีกฝ่ายหนึ่งหาว่าผิดสัญญาไม่ได้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงตกไป ส่วนอีกข้อหนึ่งที่อ้างว่า จำเลยเอาเงินไปลงทุนก่อสร้างแทนโจทก์ และทุนที่ต้องลงนั้นได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการแก้ไขอาคารที่สร้างหลายแห่งนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่าเรื่องเพิ่มหุ้นและเรื่องใครลงทุนไปเท่าใดนั้นเป็นกรณีต่างหากไม่เกี่ยวกับคดีนี้เรื่องนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับเงินค่าช่วยเหลือการก่อสร้างซึ่งตามสัญญาจะต้องแบ่งให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง เมื่อจำเลยได้รับเงินแล้ว และไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะไม่แบ่งให้แก่โจทก์ตามสัญญานั้น จำเลยก็ต้องแบ่งให้แก่โจทก์
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาของจำเลย