คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 88/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้ศาลยกขึ้นวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีไปได้โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างนั้น จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบเมื่อคดีไม่มีประเด็นโต้เถียงกันว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้รายเดียวกับในคดีเดิม ย่อมไม่มีข้อเท็จจริงที่จะให้วินิจฉัยว่าเป็นหนี้รายเดียวกันและระยะเวลาบังคับคดีได้สิ้นสุดลงแล้วแม้จะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม หากศาลหยิบยกข้อเท็จจริงในคดีอื่นมาวินิจฉัยแล้วมีคำพิพากษาไป ย่อมเป็นการชี้ขาดตัดสินนอกฟ้องนอกประเด็นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นสั่งวันที่ 14 และนัดฟังคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีวันที่ 18เดือนเดียวกัน คู่ความที่ไม่เห็นด้วยมีโอกาสพอที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้ แต่ไม่โต้แย้งไว้ ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้น
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ถูกยึดหนึ่งในสาม ผู้ร้องจึงมีหน้าที่นำสืบก่อน เมื่อไม่มีการสืบพยานข้อเท็จจริงย่อมฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น

ย่อยาว

ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่าที่ดินโฉนดที่ ๑๙๘๑ พร้อมด้วยเรือนปั้นหยาเลขที่ ๖๒/๑ ซึ่งโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดนั้น ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับจำเลยอยู่หนึ่งในสามและเป็นเจ้าของเรือนทั้งได้ครอบครองตามส่วนกรรมสิทธิ์ ขอให้ปล่อยทรัพย์ดังกล่าว
โจทก์ให้การต่อสู้ว่า ที่ดินเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว และเรือนเป็นส่วนควบกับที่ดิน
ผู้ร้องและโจทก์รับข้อเท็จจริงกันบางประการ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดการไต่สวน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ร้องอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองยังหาได้จดทะเบียนการได้มาไม่ และที่ว่าครอบครองตามส่วนที่มีกรรมสิทธิ์ก็ไม่กล่าวว่าครอบครองในส่วนใด จึงฟังไม่ได้ว่ามีการครอบครองเป็นส่วนสัดหากจะฟังว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย ผู้ร้องก็ขอให้ปล่อยที่ดินไม่ได้ส่วนเรือนไม้นั้น ในคดีแดงที่ ๒๔๐๖/๒๔๙๙ ศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นของผู้ร้องย่อมใช้ยันโจทก์ได้ จึงสั่งยกคำร้องของผู้ร้องเกี่ยวกับที่ดินพิพาท และให้ปล่อยเรือนไม้พิพาทของผู้ร้องที่โจทก์นำยึด
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้เป็นดอกเบี้ยของหนี้เงินกู้ที่พิพาทกันในคดีแดงที่ ๒๔๐๖/๒๔๙๙ ซึ่งจะต้องบังคับคดีรายนี้เสียภายในกำหนดสิบปี บัดนี้ระยะเวลาที่จะบังคับคดีได้สิ้นสุดลงแล้วโจทก์จึงยึดทรัพย์เพื่อบังคับตามคำพิพากษาในคดีนี้ไม่ได้
ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ พิพากษาแก้ให้ปล่อยทรัพย์ที่ดินที่โจทก์นำยึดทั้งหมด
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้ศาลยกขึ้นวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีได้โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างนั้น จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ แต่คดีนี้ไม่มีประเด็นโต้เถียงกันแต่อย่างใด ว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องนี้เป็นหนี้รายเดียวกับในคดีเดิม จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่จะให้วินิจฉัยข้อกฎหมาย ซึ่งศาลอุทธรณ์อ้างว่าเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้นได้การที่ศาลอุทธรณ์ยกข้อเท็จจริงในคดีอื่นมาวินิจฉัยแล้วมีคำพิพากษาปล่อยที่ดินพิพาทในคดีนี้ ย่อมเป็นการชี้ขาดตัดสินนอกฟ้องนอกประเด็นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
เนื่องจากศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์มาว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานไม่ชอบ ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าคดีไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ โดยเห็นสมควรวินิจฉัยไปเสียทีเดียว
ศาลฎีกาพิจารณาปัญหาข้อนี้แล้วเห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖เมื่อผู้ร้องเห็นว่าชอบที่จะให้สืบพยานของตนต่อไป ก็ต้องโต้แย้งคำสั่งไว้ คดีปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๑๓ และนัดฟังคำสั่งวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๑๓ โดยที่ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้และระยะเวลาตั้งแต่วันศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานถึงวันนัดฟังคำสั่งชี้ขาดคดีนี้ ผู้ร้องมีโอกาสที่จะโต้แย้งคำสั่งนี้ได้ แต่หาได้โต้แย้งไว้ไม่ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนี้
คดีนี้ ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่า ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๙๘๑ซึ่งถูกยึดมาหนึ่งในสาม ผู้ร้องจึงมีหน้าที่นำสืบก่อน เมื่อไม่มีการสืบพยานกันต่อไปข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทนี้ดังที่อ้าง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้บังคับคดีไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น

Share