คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8754/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมของผู้ร้องสอดไม่ปรากฏว่า ผู้ร้องสอดมีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับหนี้เงินกู้และการจำนองที่ดินประกันหนี้เงินกู้ตามที่โจทก์ฟ้องบังคับ คงอ้างแต่เพียงว่า ผู้ร้องสอดเป็นภริยาจดทะเบียนสมรสกับจำเลยและอยู่ร่วมกับจำเลยเท่านั้น ผู้ร้องสอดจึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี อีกทั้งจำเลยเองก็ขาดนัดยื่นคำให้การ ผู้ร้องสอดย่อมไม่มีสิทธิในการต่อสู้คดีเช่นเดียวกับจำเลยที่ขาดนัด การร้องสอดเข้ามาเพื่อเป็นจำเลยร่วมหรือแทนที่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ย่อมหาประโยชน์มิได้ ที่ศาลล่างมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมนั้นชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 700,000 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 400,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 27023 ตำบลไพศาล อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ทรัพย์จำนองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วม อ้างว่าเป็นภริยาจำเลยและอยู่ร่วมกับจำเลย เป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี

ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วม แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 700,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 400,000 บาท นับถัดจากวันที่ 27 เมษายน 2543 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 27023 ตำบลไพศาล อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์

ผู้ร้องสอดอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้น และอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วม แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

ผู้ร้องสอดฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมของผู้ร้องสอดไม่ปรากฏว่าผู้ร้องสอดมีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับหนี้เงินกู้และการจำนองที่ดินประกันหนี้เงินกู้ตามที่โจทก์ฟ้องบังคับ คงอ้างแต่เพียงว่า ผู้ร้องสอดเป็นภริยาจดทะเบียนสมรสกับจำเลยและอยู่ร่วมกับจำเลยเท่านั้น ผู้ร้องสอดจึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี นอกจากนี้จำเลยเองก็ขาดนัดยื่นคำให้การ ผู้ร้องสอดย่อมไม่มีสิทธิในการต่อสู้คดีเช่นเดียวกับจำเลยซึ่งขาดนัด การร้องสอดเข้ามาเพื่อเป็นจำเลยร่วมหรือแทนที่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ย่อมหาประโยชน์ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมแล้วพิพากษาคดีโดยศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องสอดฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share