แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพสถาปัตยกรรม พ.ศ. 2532 ของสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ข้อ 2.2 กำหนดว่า การออกแบบร่างขั้นสุดท้ายสถาปนิกจะใช้ข้อมูลที่ได้รับอนุมัติจากการออกแบบร่างขั้นต้น เพื่อออกแบบขั้นสุดท้ายเสนอแก่เจ้าของงาน สถาปนิกจะต้องเสนอเอกสารการประมาณราคาค่าก่อสร้างให้เจ้าของงานเห็นชอบและอนุมัติ และข้อ 2.3 กำหนดในเรื่องการทำรายละเอียดการก่อสร้างไว้ว่า หลังจากแบบร่างขั้นสุดท้ายได้รับอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของงานแล้ว สถาปนิกจะจัดทำรายละเอียดการก่อสร้างเพื่อใช้เป็นเอกสารสัญญาและเอกสารขออนุญาต และสถาปนิกจะต้องส่งมอบเอกสารการประมาณราคาก่อสร้างให้แก่เจ้าของงานด้วยเช่นนี้ โจทก์เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมประเภทสามัญสถาปนิก สาขาสถาปัตยกรรมหลัก จากคณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม กระทรวงมหาดไทย น่าจะต้องประกอบวิชาชีพโดยมี จริยธรรมตามมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพสถาปัตยกรรมดังกล่าวด้วย แม้สัญญาว่าจ้างออกแบบบ้านจะระบุเพียงว่า ผู้ว่าจ้างตกลงชำระค่าจ้างงวดที่ 1 เมื่อตกลงในแบบร่างและลงมือทำแบบจำนวน 100,000 บาท และชำระค่าจ้างงวดที่ 2 ที่เหลือทั้งหมดเมื่อผู้รับเหมาเสนอราคาก่อสร้างก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโจทก์จะลงมือทำแบบแปลนบ้าน อย่างไรก็ได้ โดยที่จำเลยผู้ว่าจ้างไม่มีโอกาสได้เห็นแบบแปลนบ้านนั้นและเห็นชอบด้วย ดังนี้ เมื่อจำเลยผู้ว่าจ้างยัง ไม่เห็นชอบด้วยกับแบบแปลน และการเสนอราคาค่าก่อสร้างของผู้รับเหมาที่โจทก์เป็นผู้ติดต่อให้ตีราคา กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยผู้ว่าจ้างได้ตกลงและเห็นชอบด้วยในแบบแปลนบ้านและมีการเสนอราคาค่าก่อสร้างของผู้รับเหมาซึ่งจำเลยเห็นชอบด้วยแล้วตามสัญญาอันจะทำให้โจทก์ผู้รับจ้างมีสิทธิได้รับค่าจ้างที่เหลือจากจำเลยผู้ว่าจ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๑,๐๑๒,๑๖๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดค่าจ้างงวดที่ ๒ เพราะโจทก์กระทำผิดข้อตกลงโดยออกแบบแปลนบ้านไม่ตรงตามความประสงค์ของจำเลย จำเลยให้โจทก์แก้ไขหลายครั้งก็ยังไม่เรียบร้อย จำเลยจึงปฏิเสธไม่รับแบบแปลนที่โจทก์เสนอ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑,๐๑๒,๑๖๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนด ค่าทนายความ ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่โจทก์และจำเลยไม่โต้แย้งกันว่า เมื่อประมาณต้นปี ๒๕๓๘ จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ออกแบบบ้านพักอาศัย โดยทำข้อตกลงเป็นหนังสือ มีโจทก์และจำเลยลงลายมือชื่อไว้ด้วย แบ่งการจ่าย ค่าจ้างเป็น ๒ งวด งวดแรก เมื่อตกลงในแบบร่างและลงมือทำแบบเป็นเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท งวดที่ ๒ เมื่อโจทก์ ผู้รับจ้างเสนอราคาค่าก่อสร้าง จำเลยผู้ว่าจ้างต้องชำระค่าจ้างที่เหลือทั้งหมด ปรากฏว่าจำเลยได้ชำระค่าจ้างให้โจทก์แล้วจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เห็นว่า โจทก์มีพยานที่รู้เห็นในการทำสัญญาเพียงปากเดียวคือตัวโจทก์มาเบิกความว่า จำเลยพอใจในแบบร่างบ้านของโจทก์และชำระเงินงวดที่ ๑ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์แล้ว โจทก์ออกแบบบ้านให้จำเลยเสร็จเมื่อต้นเดือนมกราคม ๒๕๓๙ และได้มอบแบบแปลนบ้านให้จำเลยเรียบร้อยแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมชำระค่าจ้างใน งวดที่ ๒ จำนวน ๑,๐๑๒,๑๖๗ บาท แก่โจทก์ ส่วนจำเลยมีพยานที่รู้เห็นการทำสัญญาคือตัวจำเลยมาเบิกความว่าจำเลย ชำระเงินให้โจทก์ไปจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการที่โจทก์ออกแบบบ้านให้ แต่แบบแปลนบ้าน ดังกล่าวไม่ตรงกับความต้องการของจำเลย จำเลยจึงได้บอกเลิกการออกแบบบ้านให้โจทก์ทราบแล้ว จำเลยเห็นว่า เงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นค่าแบบร่างซึ่งน่าจะมากพอสมควรแล้ว จำเลยไม่เคยเห็นและไม่เคยได้รับแบบแปลนบ้าน และรายการการตีราคาค่าก่อสร้างมาก่อน เมื่อโจทก์กับจำเลยเบิกความยันคำกันปากต่อปาก ศาลฎีกาจึงต้องพิจารณาพยานหลักฐานอื่นเพื่อประกอบการวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยต่อไป ในปัญหาดังกล่าวปรากฏตามมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพสถาปัตยกรรม พ.ศ. ๒๕๓๒ ของสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ข้อ ๒.๒ ว่า “การออกแบบร่างขั้นสุดท้ายสถาปนิกจะใช้ข้อมูลที่ได้รับอนุมัติจากการออกแบบร่างขั้นต้น เพื่อออกแบบขั้นสุดท้ายเสนอแก่ เจ้าของงาน เอกสารที่สถาปนิกจะต้องเสนอให้เจ้าของงานเห็นชอบ และอนุมัติตามขั้นตอนนี้ประกอบด้วย.. ๒.๒.๖ ประมาณการราคาก่อสร้างตามขั้นตอนนี้” และข้อ ๒.๓ กำหนดในเรื่องการทำรายละเอียดการก่อสร้างไว้ว่า “หลังจากแบบร่างขั้นสุดท้ายได้รับอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของงานแล้ว สถาปนิกจะจัดทำรายละเอียดก่อสร้างเพื่อใช้เป็นเอกสารสัญญาและเอกสารขออนุญาต เอกสารที่สถาปนิกจะต้องส่งมอบให้แก่เจ้าของงานตามขั้นตอนนี้ประกอบด้วย
๒.๓.๕ ประมาณการราคากลางค่าก่อสร้าง” โจทก์เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมประเภทสามัญสถาปนิกสาขาสถาปัตยกรรมหลักจากคณะกรรมการควบคุม การประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม กระทรวงมหาดไทย น่าจะต้องประกอบวิชาชีพโดยมีจริยธรรมตามมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพสถาปัตยกรรมดังกล่าวด้วย ดังนี้ แม้สัญญาว่าจ้างออกแบบบ้าน จะระบุเพียงว่าจำเลยตกลงชำระค่าจ้างงวดที่ ๑ เมื่อตกลงในแบบร่างและลงมือทำแบบจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และชำระค่าจ้างงวดที่ ๒ ที่เหลือทั้งหมด เมื่อผู้รับเหมาเสนอราคาค่าก่อสร้างก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโจทก์จะลงมือทำแบบแปลนบ้านอย่างไรก็ได้โดยที่จำเลยผู้รับจ้างไม่มีโอกาสได้เห็นแบบแปลนบ้านนั้นและเห็นชอบด้วยกับแบบแปลนบ้านดังกล่าวเลย ในข้อนี้โจทก์มีพยานคือ ตัวโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า จำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อรับแบบแปลนบ้านและรายการการตีราคา ค่าก่อสร้างดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้โจทก์ได้รับค่าจ้างที่เหลือทั้งหมด และโจทก์หาได้มีเอกสาร หลักฐานการอนุมัติแบบแปลนบ้านของจำเลยผู้ว่าจ้างมาแสดงไม่ กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ตกลงและเห็นชอบด้วยในแบบแปลนบ้านและมีการเสนอราคาค่าก่อสร้างของผู้รับเหมาซึ่งจำเลยเห็นชอบด้วยแล้ว อันจะทำให้โจทก์ผู้รับจ้างมีสิทธิได้รับค่าจ้างที่เหลือทั้งหมดจากจำเลยผู้ว่าจ้าง จำเลยจึงไม่ต้องชำระเงินค่าจ้างงวดที่ ๒ ให้โจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าจ้างงวดที่ ๒ จำนวน ๑,๐๑๒,๑๖๗ บาท ให้โจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ