คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8737/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92(พ.ศ. 2538) เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85(พ.ศ. 2536) เรื่องกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 ลงวันที่ 19 มกราคม 2536 และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท 1หรือประเภท 2 เมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์แล้ว สำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกิน 0.500 กรัม เมื่อตามคำฟ้องและตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าวัตถุของกลางรวมน้ำหนัก 0.740 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่ การที่วัตถุของกลางมีจำนวนเพียง 11 เม็ด รวมน้ำหนัก 0.740 กรัมไม่อาจฟังว่ามีสารบริสุทธิ์เกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดจำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 106 ทวิ เพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92(พ.ศ. 2538) เป็นคุณแก่จำเลยทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้แม้จำเลยให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2จำนวน 11 เม็ด ไว้ในครอบครองจริง จำเลยก็คงมีความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106 วรรคหนึ่ง เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2537 เวลากลางวันจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2จำนวน 11 เม็ด น้ำหนัก 0.740 กรัม ไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ 0.500 กรัม ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 4, 6, 62 วรรคหนึ่ง, 106, 106 ทวิ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106 ทวิ ลงโทษจำคุก 5 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าจำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 106 ทวิ คงมีความผิดตามมาตรา 106 เท่านั้นเห็นว่า ในระหว่างพิจารณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ. 2538)เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 (พ.ศ. 2536)เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ลงวันที่ 19 มกราคม236 และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์แล้ว สำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกิน 0.500 กรัมเมื่อตามคำฟ้องและตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า วัตถุของกลางรวมน้ำหนัก 0.740 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่การที่วัตถุของกลางมีจำนวนเพียง 11 เม็ด รวมน้ำหนัก 0.740 กรัมไม่อาจฟังว่ามีสารบริสุทธิ์เกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 106 ทวิ เพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 92 (พ.ศ. 2538) เป็นคุณแก่จำเลย ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำนวน 11 เม็ด ไว้ในครอบครองจริงจำเลยจึงมีความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 วรรคหนึ่ง เท่านั้น
พิพากษาแก่เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106 วรรคหนึ่ง จำคุก 2 ปี และปรับ 24,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปีและปรับ 12,000 บาท เมทแอมเฟตามีนของกลางมีเพียงเล็กน้อยและจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และให้คุมความประพฤติของจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 2 เดือน ต่อครั้ง หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

Share