คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9206/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า”ข้อต่อสู้ที่มีต่อผู้โอน”ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา308นั้นหมายความว่าข้อต่อสู้ที่มีอยู่ในวันที่การโอนสิทธิเรียกร้องการที่จำเลยหรือลูกหนี้รู้ว่ามีข้อต่อสู้ดังกล่าวในวันที่ทำการโอนสิทธิเรียกร้องแต่ก็ยังให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องถือว่าจำเลยหรือลูกหนี้สละข้อต่อสู้นั้นแล้วจำเลยจึงไม่อาจยกข้อต่อสู้ที่มีอยู่ต่อผู้โอนดังกล่าวขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้แต่ถ้าข้อต่อสู้นั้นเกิดขึ้นภายหลังวันโอนสิทธิเรียกร้องย่อมไม่ตัดสิทธิของจำเลยหรือลูกหนี้ที่จะยกข้อต่อสู้ดังกล่าวขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องได้ดังนั้นเมื่อขณะที่มีการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์กับบริษัทว.คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความฟ้องเรียกเอาค่าจ้างทำของซึ่งมีกำหนด5ปีจำเลยจึงยังไม่อาจยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความดังกล่าวขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องได้ต่อมาจำเลยได้ให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องไปโดยไม่อิดเอื้อนและโจทก์นำคดีมาฟ้องหลังจากคดีขาดอายุความแล้วจำเลยจึงมีสิทธิยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความดังกล่าวนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี 2523 บริษัทวี เอ เอส จำกัดซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์สาขาคลองเตย ประเภทเงินกู้ชั่วคราวได้กู้เงินจากโจทก์รวม 3 ครั้ง ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปีรวมเป็นเงิน 1,032,000 บาท ในการที่บริษัทวี เอ เอส จำกัดทำสัญญากู้เงินจากโจทก์ทั้ง 3 ครั้งนั้นได้มอบหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างบริษัทวี เอ เอส จำกัด กับจำเลยฉบับลงวันที่20 กุมภาพันธ์ 2523 รวม 2 ฉบับ ให้ไว้แก่โจทก์เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ สิทธิเรียกร้องตามหนังสือทั้ง 2 ฉบับ สืบเนื่องจากบริษัทวี เอ เอส จำกัด ทำสัญญารับจ้างจำเลยซ่อมติดตั้งเครื่องทำความเย็นห้องเย็น อสร.ที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี รวม 2 ฉบับ โดยมีข้อตกลงว่า เมื่อบริษัทวี เอ เอสจำกัดส่งมอบงานให้แก่จำเลยและคณะกรรมการได้ตรวจรับมอบงานถูกต้องแล้วจำเลยจะจ่ายเงินให้ตามสัญญารวม 3 งวด ตามสัญญาฉบับแรกเป็นเงินรวม 1,780,000 บาท ฉบับที่สองเป็นเงินรวม 790,000 บาท และโจทก์ตกลงยอมรับโอนสิทธิเรียกร้องแล้วรวมเป็นเงินที่โจทก์ได้รับจากจำเลยตามหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องทั้ง 2 ฉบับเป็นเงินทั้งสิ้น 2,570,000 บาท เมื่อโจทก์ตกลงยอมเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องแล้ว บริษัทวี เอ เอสจำกัด ได้มีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องไปยังจำเลยในฐานะเป็นคู่สัญญาและเป็นผู้ต้องจ่ายเงินเพื่อให้รับทราบว่าสิทธิเรียกร้องทั้งหมดที่พึงเกิดขึ้นตามสัญญาของบริษัทวี เอ เอส จำกัด ได้โอนเป็นของโจทก์ สาขาคลองเตย แล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2523จำเลยมีหนังสือตอบรับมาถึงโจทก์และบริษัทวี เอ เอสจำกัดว่าไม่ขัดข้องและยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้อง ปรากฏว่าเมื่อบริษัทวี เอ เอสจำกัด ดำเนินการซ่อมติดตั้งเครื่องทำความเย็นให้แก่จำเลยเรียบร้อยแล้วจำเลยซึ่งมีหน้าที่ต้องชำระค่าจ้างแต่ละงวดทั้งหมดดังกล่าวให้แก่โจทก์ผิดสัญญาโดยจำเลยชำระเงินค่าจ้างตามงวดสัญญาจ้างทั้ง 2 ฉบับ ให้แก่บริษัทวี เอ เอสจำกัด ไปทั้งหมด ทำให้โจทก์ไม่สามารถที่จะรับเงินค่าจ้างตามสัญญาได้เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น จำเลยจึงเป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องต้องรับผิดชำระเงินจำนวน 2,570,000 บาท แก่โจทก์โจทก์ได้มีหนังสือไปยังจำเลยเพื่อขอแสดงเจตนาหักกลบหนี้ดังกล่าวกับสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ให้โจทก์ชำระเงินตามสัญญาค้ำประกันแทนบริษัทวี เอ เอสจำกัดเป็นเงิน 570,843 บาท ซึ่งเมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้วจำเลยยังเป็นหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่โจทก์จำนวน 1,999,157 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 กันยายน 2530ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 653 วัน คิดเป็นดอกเบี้ย 268,243.05 บาทรวมเป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์คิดถึงวันฟ้องทั้งสิ้น2,267,400.05 บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,267,400.05 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,999,157 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สิทธิเรียกร้องในเงินค่าจ้างทั้งหมดของบริษัทวี เอ เอส จำกัด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2523ซึ่งเป็นเงินค่าจ้างที่มีกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลาที่แน่นอนเป็นงวด ๆ สิทธิเรียกร้องเงินค่าจ้างตามสัญญาดังกล่าวจึงมีกำหนดอายุความ 5 ปี เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องวันที่ 30 มิถุนายน 2532คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,999,157 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันที่ 17 กันยายน 2530 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ (ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องคิดได้ไม่เกิน 268,243.05 บาท)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริษัทวี เอ เอสจำกัด เป็นลูกหนี้เงินกู้โจทก์จำนวน1,032,000 บาท เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2523 จำเลยได้ว่าจ้างบริษัทวี เอ เอสจำกัด ซ่อมเครื่องทำความเย็นตามสัญญา 2 ฉบับฉบับแรกค่าจ้าง 1,780,000 บาท ฉบับที่ 2 ค่าจ้าง 790,000 บาทรวมเป็นเงิน 2,570,000 บาท จ่ายค่าจ้างเป็น 3 งวด ตามผลงานต่อมาวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2523 บริษัทวี เอ เอสจำกัดทำหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องค่าจ้างตามสัญญาทั้งสองฉบับให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินกู้ และในวันเดียวกันโจทก์กับบริษัทวี เอ เอสจำกัด มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบถึงการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าว วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2523 จำเลยมีหนังสือตอบให้ความยินยอมโดยไม่อิดเอื้อนมายังโจทก์ในการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์กับบริษัทวี เอ เอสจำกัด เมื่อบริษัทวี เอ เอสจำกัด ทำงานให้จำเลยเสร็จตามงวดในสัญญาแล้วจำเลยได้จ่ายค่าจ้างทั้งหมดให้แก่บริษัทวี เอ เอสจำกัด รับไป โดยจ่ายงวดสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2523 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน2532 เป็นเวลาเกินกว่า 5 ปี นับจากวันที่จำเลยชำระเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายให้แก่บริษัทวี เอ เอสจำกัด คดีขาดอายุความฟ้องร้องเรียกค่าจ้างทำของมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า ในกรณีที่จำเลยให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องโดยไม่อิดเอื้อนจำเลยจะยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความที่มีอยู่ต่อบริษัทวี เอ เอสจำกัด ผู้โอนสิทธิเรียกร้องขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องได้หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 308 บัญญัติว่า “ถ้าลูกหนี้ได้ให้ความยินยอมดังกล่าวมาในมาตรา 306 โดยมิได้อิดเอื้อน ท่านว่าจะยกข้อต่อสู้ที่มีต่อสู้ที่มีต่อผู้โอนขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนนั้นหาได้ไม่ ฯลฯ” คำว่าข้อต่อสู้ที่มีต่อผู้โอนดังกล่าว นั้นหมายความว่า ข้อต่อสู้ที่มีอยู่ในวันที่มีการโอนสิทธิเรียกร้องการที่จำเลยหรือลูกหนี้รู้ว่ามีข้อต่อสู้ดังกล่าวในวันที่ทำการโอนสิทธิเรียกร้องแต่ก็ยังให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้อง ถือว่าจำเลยหรือลูกหนี้สละข้อต่อสู้นั้นแล้ว จำเลยจึงไม่อาจยกข้อต่อสู้ที่มีอยู่ต่อผู้โอนดังกล่าวขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนได้ แต่ถ้าข้อต่อสู้นั้นเกิดขึ้นภายหลังวันโอนสิทธิเรียกร้อง ย่อมไม่ตัดสิทธิของจำเลยหรือลูกหนี้ที่จะยกข้อต่อสู้ดังกล่าวขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องได้ สำหรับคดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะที่มีการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์กับบริษัทวี เอ เอส จำกัด คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความฟ้องเรียกเอาค่าจ้างทำของซึ่งมีกำหนด 5 ปี จำเลยจึงยังไม่อาจยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความดังกล่าวขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องได้ ต่อมาจำเลยได้ให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องไปโดยไม่อิดเอื้อน และโจทก์นำคดีมาฟ้องหลังจากคดีขาดอายุความแล้วจำเลยจึงมีสิทธิยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความดังกล่าวนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ได้
พิพากษายืน

Share