คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3168/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีไม้สักแปรรูปและไม้แดงแปรรูปไว้ในครอบครองในคราวเดียวกัน ซึ่งบทมาตราที่บัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษก็เป็นบทมาตราเดียวกัน เพียงแต่กำหนดประเภทไม้ทั้งสองไว้ต่างวรรคกันตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 73 วรรคสอง (1) และ (2)จึงเป็นความผิดกรรมเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีไม้สักแปรรูปและไม้แดงแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 7, 48, 73, 74 จำเลยทั้งสามรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 6 เดือนโจทก์อุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสามเป็นสองกระทง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามตามคำบรรยายฟ้องเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน ข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2529 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยทั้งสามร่วมกันมีไม้สักแปรรูปปริมาตร 0.341 ลูกบาศก์เมตรกับไม้แดงแปรรูปปริมาตร 3.368 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ พิเคราะห์แล้ว การที่จำเลยทั้งสามมีไม้แปรรูปทั้งสองจำนวนไว้ในครอบครองในเวลาเดียวกัน ซึ่งบทมาตราที่บัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษก็เป็นบทมาตราเดียวกัน แสดงว่าไม้หวงห้ามแปรรูปนั้น ไม่ว่าจะเป็นไม้หวงห้ามในประเภท ก. หรือ ข.ก็ดี ถือว่าเป็นวัตถุในประเภทเดียวกันทั้งสิ้น ฉะนั้นการมีไม้สักแปรรูปกับไม้แดงแปรรูปไว้ในครอบครองในคราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามมาตรา 73 กำหนดโทษของการมีไม้สักไว้ในครอบครองอยู่คนละวรรคกับกำหนดโทษของการมีไม้แดงไว้ในครอบครอง ถือว่ากฎหมายมีเจตนารมณ์แยกเป็นความผิดต่างกรรมนั้น เห็นว่ามาตรา 73 วรรคสอง (1) เป็นบทบัญญัติที่ให้ลงโทษหนักขึ้นสำหรับความผิดเกี่ยวกับไม้สัก ไม้ยางหรือไม้หวงห้ามประเภทข. ส่วนมาตรา 73 วรรคสอง (2) เป็นบทบัญญัติที่ให้ลงโทษหนักขึ้นสำหรับไม้แปรรูปอย่างอื่นซึ่งมีปริมาณไม้เกินสองลูกบาศก์เมตรการที่กฎหมายกำหนดประเภทไม้ทั้งสองไว้ต่างวรรคกัน หามีผลทำให้การมีไม้สักกับไม้แดงไว้ในครอบครองในคราวเดียวกัน เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 73 โดยไม่ได้ระบุวรรคใดนั้นไม่ถูกต้อง เห็นควรแก้ให้ถูกต้องเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 73 วรรคสองด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 วรรคสอง พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 มาตรา 4 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share