คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2042/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้สำเนาหนังสือมอบอำนาจที่แนบมาพร้อมคำฟ้องจะระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้ พ. ฟ้องจำเลยเรื่องตั๋วเงิน ซึ่งไม่ตรงกับที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามบันทึกข้อตกลงการชำระหนี้ก็ตาม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการระบุข้อหาผิดพลาดซึ่งถือเป็นข้อบกพร่องเล็กน้อยไม่ถึงกับทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์เสียไป ทั้งโจทก์ได้ขอแก้ไขคำฟ้องก่อนจำเลยยื่นคำให้การว่า สำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับดังกล่าวนั้นพิมพ์ผิดพลาด และขอส่งฉบับที่ถูกต้องแทนซึ่งศาลชั้นต้นอนุญาต จึงถือได้ว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องอำนาจฟ้องแล้วและมีผลเสมือนสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับใหม่นี้เป็นเอกสารที่โจทก์ได้แนบมาพร้อมคำฟ้องตั้งแต่ต้น จึงถือได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 135,633.56 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 125,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 125,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 เมษายน 2545 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามบันทึกข้อตกลงการชำระหนี้ซึ่งจำเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์ตามสัญญากู้ยืมเงินและตกลงแบ่งชำระเป็นงวดแต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระ โดยโจทก์มอบอำนาจให้นางสาวไพรวันฟ้องคดีนี้แทนแต่สำเนาหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์แนบมาพร้อมคำฟ้องระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้นางสาวไพรวันฟ้องจำเลยเรื่องตั๋วเงินซึ่งไม่ตรงกับสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามที่บรรยายมาในคำฟ้อง เห็นได้ชัดว่าเป็นการระบุข้อหาผิดพลาดซึ่งถือเป็นข้อบกพร่องเล็กน้อยไม่ถึงกับทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์เสียไป เมื่อโจทก์ได้ขอแก้ไขคำฟ้องก่อนจำเลยยื่นคำให้การว่าสำเนาหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์แนบมาพร้อมคำฟ้องเป็นฉบับที่พิมพ์ผิดพลาด และขอส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับใหม่ที่ระบุข้อหาถูกต้องตรงกับคำฟ้องแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตจึงถือว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจแล้ว และที่ผลเสมือนว่าสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับใหม่ดังกล่าวเป็นเอกสารที่โจทก์ได้แนบมาพร้อมคำฟ้องตั้งแต่ต้น เมื่อโจทก์นำสืบในชั้นพิจารณาว่าโจทก์มอบให้นางสาวไพรวันฟ้องคดีนี้ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งเป็นต้นฉบับของสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับใหม่ดังกล่าวโดยจำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงย่อมรับฟังได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้นางสาวไพรวันฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share