แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายคำฟ้องว่า จำเลยเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 307/2546 ของศาลชั้นต้น ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีดังกล่าว แต่ศาลชั้นต้นนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 307/2547 คดีหมายเลขแดงที่ 261/2547 ของศาลชั้นต้นโดยจำเลยรับว่า เป็นบุคคลเดียวกับจำเลยที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อและคดีที่ศาลชั้นต้นให้นับโทษต่อมีชื่อตรงกับจำเลย ฐานความผิดก็ตรงกับคดีนี้ เมื่อคดีนี้เป็นหมายเลขดำที่ 309/2547 หมายเลขแดงที่ 262/2547 ของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาต่อจากคดีที่ขอให้นับโทษต่อ ศาลชั้นต้นจึงนับโทษต่อตามหมายเลขคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตรงตามความจริงที่จำเลยเป็นบุคคลเดียวกับคดีที่ขอให้นับโทษต่อได้ ส่วนการที่โจทก์ระบุ พ.ศ. ของคดีหมายเลขดำไม่ตรงกับชื่อของจำเลยเป็นแต่รายละเอียด คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้นับโทษต่อจึงไม่เกินคำขอ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 และมาตรา 336 ทวิ นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 307/2546 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอนับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 วรรคแรก และมาตรา 336 ทวิ จำคุก 4 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 3 เดือน ให้นับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำเลขที่ 307/2547 คดีหมายเลขแดงที่ 261/2547 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนที่ให้นับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 307/2547 คดีหมายเลขแดงที่ 261/2547 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้แล้วให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาข้อกฎหมายของโจทก์ว่าต้องนับโทษของจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายคำฟ้องว่า จำเลยเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 307/2546 ของศาลชั้นต้น ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยดังกล่าว แต่ศาลชั้นต้นนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 307/2547 คดีหมายเลขแดงที่ 261/2547 ของศาลชั้นต้น ปรากฏจากหนังสือของศาลชั้นต้นที่มีหนังสือตอบหนังสือของศาลอุทธรณ์ภาค 6 ที่ขอให้ตรวจสอบโดยแจ้งว่า คดีอาญาหมายเลขดำที่ 307/2546 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 341/2546 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลก โจทก์ นายสุทัศน์ บัวคำ จำเลย ส่วนคดีอาญาหมายเลขดำที่ 307/2547 คดีหมายเลขแดงที่ 261/2547 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลก โจทก์ นายพินิจ คมเฉียบ จำเลย เรื่องวิ่งราวทรัพย์ ดังนั้นการที่จำเลยรับว่า เป็นบุคคลเดียวกับจำเลยที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ คดีที่ศาลชั้นต้นให้นับโทษต่อก็มีชื่อตรงกับจำเลย ฐานความผิดก็ตรงกับคดีนี้ คดีนี้เป็นหมายเลขดำที่ 309/2547 หมายเลขแดงที่ 262/2547 ของศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาต่อจากคดีที่ขอให้นับโทษต่อ ศาลชั้นต้นจึงนับโทษต่อตามหมายเลขคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตรงตามความจริง ที่จำเลยเป็นบุคคลเดียวกับคดีที่ขอให้นับโทษต่อได้ ส่วนที่โจทก์ระบุ พ.ศ. ของคดีหมายเลขดำไม่ตรงกับชื่อของจำเลยเป็นแต่รายละเอียดคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้นับโทษต่อจึงไม่เกินคำขอ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในส่วนที่ให้นับโทษต่อ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้นับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 307/2547 คดีหมายเลขแดงที่ 261/2547 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้แล้วให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6